ในสิงคโปร์ BYD ครองแชมป์ยอดขายโดยรวมในปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรก โดยเอาชนะ Toyota ได้ ในปี 2567 ยอดขายของ BYD เพิ่มขึ้นจาก 1,416 คันในปี 2566 เป็น 6,191 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 14.4% ตามข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของผู้จำหน่ายที่ได้รับอนุญาตที่เผยแพร่โดยหน่วยงานขนส่งทางบกของสิงคโปร์

Toyota ตามมาติด ๆ ด้วยยอดขายประจำปี 5,736 คัน BMW จำนวน 5,042 คัน และ Mercedes-Benz จำนวน 4,887 คัน จัดอันดับที่ 2 ถึง 4 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยอดขายของ Tesla ยังแตะหลักพันครั้งแรกในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 940 คันในปี 2566 เป็น 2,384 คัน
ไม่เพียงแต่ในสิงคโปร์เท่านั้น BYD ยังแซงหน้า Toyota ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 2567 ด้วยยอดขาย 2,223 คัน เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบปีต่อปี ในทางตรงกันข้าม ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota ลดลง 30% เหลือเพียง 2,038 คัน
ในประเทศไทย ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ล้วนในปี 2567 อยู่ที่ 70,137 คัน ลดลง 8.1% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีอัตราการเจาะตลาดอยู่ที่ 14.0% ในบรรดาแบรนด์ขายดี 10 อันดับแรก มี 7 แบรนด์เป็นแบรนด์จีน โดย BYD ครองอันดับ 1 สำหรับยอดขายตลอดทั้งปี ครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 1 ใน 3

ในเดือนตุลาคม 2565 BYD เปิดตัว Atto 3 ในประเทศไทย และเริ่มจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา BYD ได้รับรางวัลแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ล้วนในประเทศไทยอย่างน้อย 18 เดือน ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ล้วนทุก ๆ 3 คันที่ขายในประเทศไทย 1 คันมาจาก BYD
เป็นที่น่าสังเกตว่า แบรนด์ญี่ปุ่น เช่น Honda, Toyota, Nissan และ Isuzu เคยครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% กลยุทธ์ของ BYD คือการใช้ประเทศไทยเป็นหอกในการเจาะตลาดอาเซียนที่เหลือ
ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ BYD ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้