Marelli ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของ Magneti Marelli และ Calsonic Kansei ได้ยื่นคำร้องขอล้มละลายภายใต้ Chapter 11 ในสหรัฐอเมริกา การดำเนินการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ ปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวและเสริมสภาพคล่องทางการเงิน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานประจำวันของบริษัท

รายละเอียดและผลกระทบของการยื่นขอล้มละลาย
- เงินสนับสนุน: Marelli ได้รับเงินสนับสนุนทางการเงินกว่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรูปแบบ debtor-in-possession financing จากเจ้าหนี้ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินงานและมีกระแสเงินสดหมุนเวียนระหว่างขั้นตอนการล้มละลายและการปรับโครงสร้าง ถึงแม้เงินกู้จะต้องได้รับการอนุมัติจากศาลล้มละลายก็ตาม
- การสนับสนุนจากเจ้าหนี้: ประมาณ 80% ของเจ้าหนี้บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะช่วยให้ Marelli ก้าวผ่านวิกฤต
- คำกล่าวซีอีโอ: เดวิด สลัมป์ ประธานและซีอีโอของ Marelli ระบุว่า บริษัทได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและส่งมอบคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง แม้ผลกำไรจะดีขึ้น แต่แรงกดดันจากตลาดทั่วทั้งอุตสาหกรรมนำไปสู่ช่องว่างในการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนที่จำเป็นต้องจัดการในขณะนี้
ความท้าทายต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์
การยื่นขอล้มละลายของ Marelli ตอกย้ำถึง ความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ลูกค้ารายใหญ่ของ Marelli ได้แก่ Stellantis, Nissan, Bosch, Mazda และ Tesla
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Nissan กำลังเผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่สดใส โดยมีผลขาดทุนเป็นประวัติการณ์ในปีงบประมาณ 2024 และได้วางแผนลดค่าใช้จ่ายอย่างรุนแรง รวมถึงการลดพนักงานและการปิดโรงงานหลายแห่ง นอกจากนี้ การเจรจาเป็นพันธมิตรที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับ Honda ก็ได้ล้มเหลวลง และมีข่าวความสนใจในการร่วมมือกับ Tesla
สถานการณ์ของ Marelli จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากในอนาคตอันใกล้