ยุคทองของการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อระบบอัตโนมัติเข้ามาปฏิวัติ EMS

ในโลกที่เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของชีวิต ตั้งแต่สมาร์ทโฟนคู่ใจไปจนถึงยานยนต์ไฟฟ้าล้ำสมัย เบื้องหลังการผลิตที่ซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูงนั้น กำลังเกิดคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ นั่นคือการผสานรวม ระบบอัตโนมัติ (Automation) เข้าสู่กระบวนการ บริการการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Manufacturing Services: EMS) อย่างเต็มรูปแบบ

ลองจินตนาการถึงโรงงานที่ซึ่งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทำงานร่วมกับระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้อย่างราบรื่น พวกมันประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กจิ๋วด้วยความเร็วและความแม่นยำที่เหนือกว่าแรงงานมนุษย์ ตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยระบบ การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (Automated Optical Inspection: AOI) และเคลื่อนย้ายวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ระบบจัดการวัสดุอัตโนมัติ (Automated Material Handling Systems) นี่ไม่ใช่เพียงภาพฝันอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นความจริงที่ขับเคลื่อนตลาด EMS ทั่วโลก

รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ตลาดระบบอัตโนมัติในบริการการผลิตอิเล็กทรอนิกส์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดและการคาดการณ์ในอนาคตเป็นตัวเลขที่น่าจับตามอง (อ้างอิงจากข้อมูลที่คุณให้มา ซึ่งมีปีฐานคือ 2024) แรงผลักดันสำคัญมาจากการที่ผู้ผลิตต่างต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพ และขยายกำลังการผลิตให้ทันต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

AI: หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

บทบาทของ AI ในการปฏิวัติ EMS นั้นโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงานอัตโนมัติ แต่เป็นเสมือน “สมอง” ที่ช่วยให้กระบวนการผลิตมีความชาญฉลาดและยืดหยุ่นมากขึ้น ลองนึกภาพระบบ คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer Vision) ที่สามารถตรวจสอบความผิดพลาดในการประกอบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หรือระบบ AI ที่วิเคราะห์ข้อมูลการผลิตเพื่อปรับปรุงขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ AI ยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจงได้รวดเร็วขึ้น และยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งนำไปสู่มาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นและวงจรการพัฒนานวัตกรรมที่สั้นลง

ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต: มากกว่าแค่หุ่นยนต์

การเติบโตของตลาดระบบอัตโนมัติใน EMS ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การนำหุ่นยนต์มาใช้ในสายการผลิตเท่านั้น ยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่เข้ามาสนับสนุน เช่น

  • ความต้องการการผลิตที่ประหยัดพลังงาน: ผู้ผลิตหันมาให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลังงาน ซึ่งระบบอัตโนมัติสามารถช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพและลดการสูญเสียได้
  • ความก้าวหน้าของ ML และ AI: เทคโนโลยี แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning: ML) และ AI ที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของระบบอัตโนมัติในการวิเคราะห์ ปรับปรุง และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
  • ความต้องการการปรับแต่งและความยืดหยุ่นในการผลิต: ในยุคที่ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น ระบบอัตโนมัติที่มีความยืดหยุ่นสูงจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ
  • ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ: การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ช่วยลดการพึ่งพาแรงงานฝีมือ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในหลายภาคส่วน
  • การผสานรวมเทคโนโลยี 5G: เทคโนโลยี 5G ช่วยให้การเชื่อมต่อและการควบคุมระบบอัตโนมัติในสายการผลิตเป็นไปอย่างราบรื่นและแบบเรียลไทม์
  • แรงกดดันในการลดต้นทุนการดำเนินงาน: ระบบอัตโนมัติช่วยลดต้นทุนในระยะยาว ทั้งในด้านค่าแรงงาน วัตถุดิบ และการสูญเสีย
  • การสนับสนุนและนโยบายจากภาครัฐ: หลายประเทศมีนโยบายส่งเสริมการนำเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 และระบบอัตโนมัติมาใช้ในภาคการผลิต

ภาพรวมตลาด: ใครคือผู้นำ ใครกำลังมาแรง?

จากข้อมูลที่คุณให้มา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นผู้นำตลาดระบบอัตโนมัติใน EMS ในปี 2024 ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีประเทศอย่างจีน อินเดีย เกาหลีใต้ และไต้หวันเป็นศูนย์กลางสำคัญ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคอเมริกาเหนือ คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในช่วงเวลาคาดการณ์

เมื่อพิจารณาตามประเภทของระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ครองส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดในปี 2024 เนื่องจากมีความสามารถในการทำงานที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ระบบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ (เช่น ระบบ MES, การบูรณาการ ERP, และการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI) คาดว่าจะมีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากเป็นโซลูชันที่มีความยืดหยุ่นและคุ้มค่า

ในส่วนของอุตสาหกรรมผู้ใช้งานปลายทาง กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค มีส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญในปี 2024 แต่ กลุ่มยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) คาดว่าจะมีการเติบโตสูงสุด เนื่องจากความต้องการอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนในรถยนต์ไฟฟ้าและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่เพิ่มขึ้น

โอกาสและความท้าทาย:

แม้ว่าแนวโน้มของตลาดระบบอัตโนมัติใน EMS จะสดใส แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ หนึ่งในนั้นคือ เงินลงทุนเริ่มต้นที่สูง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ อย่างไรก็ตาม โอกาสก็มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานของโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดได้นำเสนอโซลูชันและเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ผู้เล่นสำคัญและการเคลื่อนไหวล่าสุด:

ตลาดระบบอัตโนมัติใน EMS มีผู้เล่นหลากหลาย ตั้งแต่ผู้ผลิตหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ไปจนถึงผู้ให้บริการ EMS เอง บริษัทชั้นนำ เช่น Benchmark Electronics, Celestica, Jabil, และ Flex ต่างก็มีการปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีอัตโนมัติเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

ข่าวสารล่าสุดจากบริษัท Rockwell Automation เกี่ยวกับการเปิดตัว Emulate3D Factory Test แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ Digital Twin ในการจำลองและปรับปรุงระบบอัตโนมัติก่อนการติดตั้งจริง ในขณะที่ Adverb ได้เปิดตัวหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับคลังสินค้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขยายขอบเขตของระบบอัตโนมัติไปสู่ส่วนอื่นๆ ของซัพพลายเชน

นอกจากนี้ การก่อตั้ง VinRobotics ในเวียดนามและการเปิดตัวระบบบ้านอัจฉริยะ ABB-free@home ในอินเดีย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและนำระบบอัตโนมัติไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมและภูมิภาค

บทสรุป:

การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในบริการการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ (EMS) ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะกำหนดอนาคตของการผลิต ด้วยแรงขับเคลื่อนจากความต้องการประสิทธิภาพ คุณภาพ และความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI และ ML ตลาดนี้จึงมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก แม้จะมีความท้าทายในเรื่องของการลงทุนเริ่มต้น แต่โอกาสในการสร้างสรรค์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนั้นก็คุ้มค่าอย่างยิ่ง ยุคทองของการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และผู้ที่ปรับตัวได้ก่อน ย่อมมีโอกาสคว้าความสำเร็จในโลกอนาคต

ที่มา : https://www.precedenceresearch.com/automation-in-electronic-manufacturing-services-market

About pawarit

Check Also

Schneider Electric เปิดตัว Industrial Copilot ร่วมกับ Microsoft เสริมศักยภาพการผลิตด้วย AI

Schneider Electric ได้เปิดตัว Industrial Copilot ผู้ช่วยอัจฉริยะที่พัฒนาร่วมกับ Microsoft โดยผสานรวม Azure AI Foundry เข้ากับแพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมของ Schneider Electric ความร่วมมือนี้มุ่งเป้าไปที่องค์กรการผลิตที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและจัดการปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

NVIDIA และเหล่าพันธมิตรโชว์พลัง AI เร่งระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมการผลิตที่งาน Automate 2025

ในงาน Automate 2025 ผู้นำด้านหุ่นยนต์อย่าง KUKA, Standard Bots, Universal Robots (UR) และ Vention ได้ร่วมกันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI …