การลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของ Nissan ใน Fisker ด้าน EV จะสามารถเปลี่ยนเกมได้หรือไม่

การลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพของ Nissan ใน Fisker กำลังสร้างกระแสฮือฮาอย่างมาก หลัง Reuters รายงานข่าวว่า Nissan อาจอัดฉีดเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับแพลตฟอร์มรถบรรทุกของ Fisker สิ่งนี้ทำให้หุ้นของ Fisker ดีดตัวขึ้นและปิดที่ 0.4825 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงสิ้นสัปดาห์

ความตื่นเต้นไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นั้น เมื่อการซื้อขายนอกเวลาทำการพบว่าหุ้นของ Fisker เพิ่มขึ้น 7.73% เป็น 0.5198 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มเชิงบวกในหมู่นักลงทุน

“การเจรจากำลังดำเนินอยู่ ข้อตกลงอาจสรุปได้เร็วๆ นี้ ซึ่งช่วยเพิ่มตำแหน่งทางการตลาด EV ของ Fisker”

อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่เป็นไปได้จาก Nissan อาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับอนาคตของ Fisker ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ การปิดข้อตกลงนี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของ Fisker และผู้ถือหุ้นได้อย่างมาก

การเลื่อนโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของ OEM หลายแห่งได้สร้างกลุ่มตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับ Fisker Alaska ปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งด้าน EV โดยตรงทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ เห็นได้ชัดว่า ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สามารถสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตของ Fisker ได้อย่างมาก และอำนวยความสะดวกในการผลิตในท้องถิ่น และยังเน้นย้ำถึงความปรารถนาของ Fisker ที่จะมุ่งเน้นไปที่การทำงานกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพียงรายเดียวที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายได้ดีที่สุด อย่าง Nissan

ที่มา : https://fiskerati.com/electric-vehicles/nissan/fisker-nissan-a-potential-game-changing-ev-partnership/

About pawarit

Check Also

Honda เล็งเพิ่มกำลังผลิตในสหรัฐฯ 30% รับมาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์ของทรัมป์

หลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Honda กลายเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี โดยยกเลิกแผนการผลิต Civic Hybrid ในเม็กซิโกและย้ายฐานการผลิตไปยังรัฐอินเดียนา ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่กำลังพิจารณาที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐฯ อีกประมาณ 30% ในช่วง …

เผยผลสำรวจ ผู้บริหารระดับสูงชี้ “ภาษีนำเข้า” เป็นหนึ่งในความท้าทายอันดับต้น ๆ ปี 2025 พร้อมเร่งปรับตัวรับมือ

ผลสำรวจล่าสุดจากบริษัท Zilliant ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการกำหนดราคา เปิดเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทขนาดใหญ่ต่างยกให้ “ภาษีนำเข้า” เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญที่สุดในปี 2025 และกำลังดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบดังกล่าว