รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มนพร เจริญศรี ประกาศเร่งรัดโครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การยกระดับ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเน้นย้ำความสำคัญของความโปร่งใส ความปลอดภัย และการดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา พร้อมเรียกร้องความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อประโยชน์สาธารณะสูงสุด

ความคืบหน้าโครงการ:
- การก่อสร้างทางทะเล (ระยะที่ 3 ส่วนที่ 1): ดำเนินการไปแล้ว 67.48% คาดส่งมอบท่าเทียบเรือชายฝั่ง F1 ให้ GPC International Terminal Co., Ltd. ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2568
- อาคารท่าเทียบเรือ ถนน และระบบสาธารณูปโภค (ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2): ดำเนินการไป 0.47% เริ่มงานก่อสร้างสะพานยกระดับแล้ว ผู้รับผิดชอบคือ CHEC (Thai) Co., Ltd.
- ระบบราง (ส่วนที่ 3) และอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า (ส่วนที่ 4): อยู่ในขั้นตอนการร่างขอบเขตงาน (TOR) และการพิจารณาของที่ปรึกษา คาดเริ่มกระบวนการประกวดราคาเร็ว ๆ นี้
เป้าหมายและผลกระทบ:
- เพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์และโอกาสทางเศรษฐกิจ
- บรรเทาความแออัดของท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ซึ่งมีข้อจำกัดด้านขนาดเรือและความลึกร่องน้ำ
- เมื่อแล้วเสร็จ ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1, 2 และ 3 จะสามารถรองรับปริมาณสินค้าได้มากขึ้น (ปัจจุบันระยะ 1 และ 2 รองรับได้กว่า 11 ล้าน TEUs เทียบกับท่าเรือกรุงเทพ 1.34 ล้าน TEUs)
- สนับสนุนการเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็น ประตูสู่โลจิสติกส์ของอาเซียน
- บรรลุยุทธศาสตร์ชาติในด้าน “การคมนาคมขนส่งเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ”
รัฐมนตรีช่วยมนพร ยืนยันความมุ่งมั่นของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ