สำหรับงานสี หากมีสิ่งผิดปกติโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นแล้ว ก็มักจะทำให้รู้สึกว่างานสีนั้นยังมีคุณภาพดี แต่สำหรับนิสสัน การทำให้เกิดความเรียบเนียนสม่ำเสมอ นั่นคือ การสร้างความเปล่งประกายให้กับรถยนต์ของนิสสัน ไม่ว่าจะเป็นสี Electric Blue Metallic สำหรับรถยนต์รุ่น Sentra หรือ Baja Storm Metallic สำหรับรุ่น Rogue

นิสสันใช้สีเกือบสองแกลลอนในกระบวนการผลิตรถยนต์แต่ละคัน โดยมีการเคลือบสี 3 ชั้น (รองพื้นแรก รองพื้นสอง และเคลียร์) แต่อาจยังมีจุดบกพร่องเกิดขึ้นบนพื้นผิวได้ แม้ว่าจะเป็นการทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดเชื้อที่สุดแล้วก็ตาม
เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ นิสสันได้ลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง และการเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อตรวจจับจุดบกพร่องของสีให้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้ระบบตรวจสอบพื้นผิว AUTIS นิสสันจึงสามารถเพิ่มอัตราการตรวจจับจุดบกพร่องได้เกือบ 7% ที่โรงงานประกอบที่เมือง Smyrna รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา
AUTIS ใช้กล้องความละเอียดสูงเพื่อถ่ายภาพรถยนต์แต่ละคันได้ 15,000 ภาพทันทีหลังจากผ่านการพ่นสีแล้ว โดยภาพเหล่านี้จะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อตรวจหาจุดบกพร่องที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อ AUTIS ตรวจพบสิ่งที่อาจเป็นจุดบกพร่อง ช่างเทคนิคสามารถตรวจพิจารณาจุดบกพร่องนั้นได้ทันทีบนจอภาพ และจากสมาร์ทโฟนของบริษัทที่สวมไว้ที่ข้อมือซึ่งใช้สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบโดยเฉพาะ กระบวนการนี้จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ในขณะที่เพิ่มระยะเวลาในการแก้ไขสีได้ด้วยความระมัดระวัง
ใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของเครื่อง
นับตั้งแต่มีการนำ AUTIS มาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว โดยที่โรงงานประกอบรถยนต์ Smyrna เพียงแห่งเดียว ระบบ AUTIS ได้ตรวจประเมินรถยนต์ของนิสสันไปแล้วมากกว่า 500,000 คัน นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังถูกนำไปใช้ในโรงงานของนิสสันในเมือง Canton รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐอเมริกา และที่ Aguascalientes เม็กซิโก โดยครอบคลุมรถยนต์รุ่นต่างๆ เช่น Altima, Frontier, LEAF, Pathfinder, Rogue, Kicks, Sentra, Versa และ Murano
ด้วยการเรียนรู้ของเครื่อง จึงทำให้ AUTIS มีความสามารถในการตรวจจับได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไลบรารี่ของจุดบกพร่องที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยจำแนกลักษณะของจุดบกพร่องได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทีมงานสามารถแก้ปัญหากระบวนการ โดยมีการจัดประเภทของจุดบกพร่องตามประเภทและสีของยานพาหนะอีกด้วย
นิสสันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีตรวจสอบสีมาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ โดยในปี ค.ศ. 1985 นิสสันเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายแรกที่ใช้หุ่นยนต์ที่ติดตั้งเลเซอร์ในการตรวจสอบสี สามารถตรวจจับจุดบกพร่องที่เล็กถึง 0.3 มิลลิเมตรได้ในเวลาเพียง 45 วินาที กระทั่งในปัจจุบันที่ใช้ AUTIS สามารถตรวจจับจุดบกพร่องที่เล็กละเอียดถึง 0.2 มิลลิเมตรได้โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งของเมื่อก่อน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีมาอย่างยาวนานเกือบสี่ทศวรรษ
Travis Fritsche วิศวกรกระบวนการพ่นสีของนิสสัน กล่าวว่า — “ตาของมนุษย์สามารถมองเห็นข้อบกพร่องได้ 85%-95% แต่ AUTIS สามารถระบุได้มากกว่า 98%” “AUTIS สามารถจัดกลุ่มของจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อกำหนดรูปแบบและปรับปรุงกระบวนการของเราได้ ช่วยลดเวลาในการตรวจสอบได้มาก และยกระดับคุณภาพของเราด้วย”
Rod Lynch วิศวกรสีรุ่นใหม่ของนิสสัน กล่าวว่า — “ช่างเทคนิคเป็นผู้ที่บทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการยืนยันและจัดประเภทของจุดบกพร่อง ซึ่ง AUTIS เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานดีขึ้น ไม่ใช่มาทำแทน” “AUTIS เป็นระบบที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยมีข้อมูลป้อนกลับจากช่างเทคนิค AUTIS จึงเรียนรู้ที่จะจดจำจุดบกพร่องต่างๆ เช่น สิ่งสกปรก เส้นใย และรอยบุ๋ม จากนั้นจะเรียนรู้และปรับปรุงต่อไป และจะสร้างไลบรารี่ที่บ่งบอกถึงลักษณะของจุดบกพร่องเหล่านั้น”
ที่มา: Nissan USA