โรช (Roche) ยืนยันหนักแน่นว่าจะ ลงทุนถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างและขยายโรงงานผลิตยาและศูนย์วิจัยในสหรัฐอเมริกา ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้

การลงทุนครั้งมหึมานี้ทำให้โรชเป็นบริษัทยาชั้นนำล่าสุดที่ออกมาประกาศแผนการใช้จ่ายเงินก้อนโต เพื่อเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่อาจจะเก็บภาษีสินค้านำเข้า โดยเฉพาะยา
มีข้อมูลว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้ายาอยู่ ซึ่งทางออกหนึ่งที่บริษัทยาเหล่านี้อาจเลือกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีก็คือ การหันมาผลิตยาในสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้นนั่นเอง
ปัจจุบัน โรชมีฐานการผลิต 13 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) อีก 15 แห่งในสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมทั้งธุรกิจยาและการวินิจฉัยโรค โดยมีพนักงานรวมกันกว่า 25,000 คน ซึ่งรวมถึงบริษัทย่อยอย่าง Genentech ในซานฟรานซิสโก และสำนักงานใหญ่ของแผนก Roche Diagnostics ในอเมริกาเหนือที่อินเดียนาโพลิส
สำหรับแผนการลงทุนใหม่ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อวันอังคารนั้น โรชจะทำการขยายโรงงานที่มีอยู่ และสร้างโรงงานใหม่เพิ่มเติม เช่น โรงงานผลิตยีนบำบัดในรัฐเพนซิลเวเนีย โรงงานผลิตเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่รัฐอินเดียนา และศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยศูนย์วิจัยแห่งนี้จะเน้นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเป็นศูนย์กลางการวิจัยโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ นอกจากนี้ โรชยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตยาลดน้ำหนักขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
การขยายการผลิตยาลดน้ำหนักนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โรชได้เข้าสู่ตลาดนี้จากการซื้อบริษัท Carmot Therapeutics ไปเมื่อปี พ.ศ. 2566 และยังได้ร่วมมือกับ Zealand Pharma ในการพัฒนายาลดความอ้วนตัวใหม่ด้วยข้อตกลงมูลค่า 1,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โรชคาดการณ์ว่า เมื่อโรงงานใหม่และที่ขยายแล้วสามารถดำเนินการผลิตได้เต็มที่ บริษัทจะสามารถส่งออกยาจากสหรัฐอเมริกาได้มากกว่านำเข้า แต่เนื่องจากการสร้างโรงงานผลิตยาต้องใช้เวลาพอสมควร การที่โรชจะมียอดส่งออกยามากกว่านำเข้าจึงต้องรออีกหลายปี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจการวินิจฉัยโรคของโรชนั้น ปัจจุบันมีการส่งออกจากสหรัฐอเมริกามากกว่านำเข้าอยู่แล้ว
ซีอีโอของ Roche Group, Thomas Schinecker กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของโรชที่มีมายาวนานต่อการวิจัย พัฒนา และการผลิตในสหรัฐอเมริกา
แผนการลงทุนด้านการผลิตของโรชนี้ เกิดขึ้นตามหลังการประกาศลงทุนของบริษัทยาใหญ่อื่น ๆ เช่น Eli Lilly, Merck และ Johnson & Johnson ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทยาชั้นนำหลายแห่งกำลังให้ความสำคัญกับการลงทุนในสหรัฐอเมริกามากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับนโยบายการค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
ที่มา : https://medcitynews.com/2025/04/roche-pharmaceutical-manufacturing-research-tariffs-rhhby/