Schneider Electric ผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในด้านการจัดการพลังงานและการอัตโนมัติ โดยความร่วมมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยี Intel และ Red Hat ประกาศเปิดตัวเฟรมเวิร์กสำหรับซอฟต์แวร์โหนดควบคุมแบบกระจาย หรือ Distributed Control Node (DCN)

เฟรมเวิร์กใหม่นี้เป็นส่วนขยายของแพลตฟอร์ม EcoStruxure™ Automation Expert ของ Schneider Electric ที่จะช่วยให้บริษัทด้านอุตสาหกรรมสามารถเปลี่ยนไปใช้วิธีการ Plug-and-Produce ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ช่วยให้พวกเขาสามารถปรับปรุงการดำเนินงาน สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ ลดความซับซ้อน และปรับต้นทุนให้เหมาะสม
การควบคุมอุตสาหกรรมในยุคต่อไป
การนำเสนอเฟรมเวิร์ก DCN ยังบ่งบอกถึงการปรับไปสู่เป้าหมายของ Open Process Automation Forum (OPAF) ที่มุ่งขับเคลื่อนไปที่ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการใช้ได้หลายระบบ ซึ่งความร่วมมือกันของทั้งสามบริษัทนั้นก็เพื่อสร้างประสบการณ์บนเครือข่ายที่มีความทันสมัย ที่จะนำไปสู่การควบคุมทางอุตสาหกรรมในยุคต่อไป
เมื่อไม่นานมานี้ Red Hat กับ Intel ได้ประกาศความร่วมมือในการสร้างแพลตฟอร์ม Industrial Edge ใหม่ ซึ่งจะทำให้มีแนวทางที่ทันสมัยสำหรับการสร้างและปฏิบัติการควบคุมทางอุตสาหกรรม จนกระทั่งเมื่อมีการนำแพลตฟอร์มนี้ไปดำเนินการ Schneider Electric จึงนำ Red Hat Device Edge ไปปรับใช้ในซอฟต์แวร์ DCN ใหม่ รวมทั้ง Red Hat Ansible Automation Platform และ Red Hat OpenShift ที่เลเยอร์การประมวลผลเพื่อการปรับใช้ DCN ด้วย ซึ่งเป็นการผนวกรวมเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานการควบคุมจาก Schneider Electric และอ้างอิงกับสถาปัตยกรรมจาก Intel
เฟรมเวิร์ก DCN มีสององค์ประกอบหลัก นั่นคือ
- แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ขั้นสูง (ACP) สำหรับจัดการกับปริมาณงานควบคุม ภายใต้เงื่อนไขของการควบคุมปริมาณความจุและความสามารถในการอัตโนมัติที่จำเป็นต่อการจัดปริมาณงานได้อย่างมั่นคงและในทางโปรแกรม พร้อมด้วยฟังก์ชันสำหรับการสร้างความเสมือนและการเฝ้าตรวจสอบ
- DCN ซึ่งเป็นระบบอุตสาหกรรมที่ใช้กำลังต่ำ ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Atom x6400E series มีไว้สำหรับดำเนินการควบคุม และออกแบบมาเพื่อให้รองรับปริมาณงานที่ยุ่งเหยิง-ในภาวะวิกฤติ
Nathalie Marcotte รองประธานอาวุโสฝ่ายการอัตโนมัติสำหรับกระบวนการ ของ Schneider Electric กล่าวว่า — “ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โครงการนี้เป็นจุดสูงสุดของการร่วมสร้างนวัตกรรมระบบ DCS (Distributed Control Systems) ที่มีประสิทธิภาพและรองรับอนาคต” “เฟรมเวิร์ก DCN เป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมแนวทางการอัตโนมัติแบบเปิด ที่จะช่วยให้ธุรกิจอุตสาหกรรมเติบโตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สำหรับอนาคต ซึ่งความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการใช้ได้หลายระบบ จะช่วยให้ลูกค้าของเรามีอิสระในการจัดรูปแบบเทคโนโลยีได้ตามความต้องการทางธุรกิจของพวกเขา”
Christine Boles รองประธานฝ่าย Network and Edge Group ของ Intel และผู้จัดการทั่วไปสำหรับ Federal and Industrial Solutions กล่าวว่า — “วิธีการในเชิงพาณิชย์แบบเปิด และมีการเชื่อมต่อระหว่างกัน จะช่วยนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านจากอุปกรณ์ที่มีผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ถูกกำหนดฟังก์ชันไว้ตายตัว ไปเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่ให้ความยืดหยุ่นกว่าและเป็นพลวัต” “Intel มีประวัติอันยาวนานในการขับเคลื่อนด้วยแนวทางของการเป็นระบบเปิดตลอดทั้งระบบนิเวศ ซึ่งความร่วมมือกับ Schneider Electric และ Red Hat ในครั้งนี้ ก็เพื่อมุ่งพัฒนาระบบควบคุมที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ที่แสดงให้เห็นได้ว่า DCN ในยุคถัดไปนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายทั่วไปเพื่อการคำนวณและมีระบบปฏิบัติการที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรม”
Francis Chow รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายระบบปฏิบัติการในยานยนต์และ Edge ของ Red Hat กล่าวว่า — “Red Hat มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ผลิตให้ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติการอัตโนมัติในพื้นที่การผลิตของโรงงาน” “ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของเรา เช่น Schneider Electric และ Intel ทำให้เราสามารถปรับขนาดโรงงานที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ และปฏิบัติการด้วยความสามารถของการอัตโนมัติขั้นสูง และทำงานร่วมกันได้กับแนวทางของแพลตฟอร์มที่มีความสอดคล้องกัน ด้วยขั้นตอนต่างๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในจุดเริ่มต้นนี้ เราสามารถช่วยภาคอุตสาหกรรมในการจัดเตรียมการสำรวจความเป็นไปได้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ AI, การประมวลผลแบบ Edge และอื่นๆ ที่จะมีการเสนอเพิ่มอีก”
ที่มา: Schneider Electric