Shell Offshore และ Shell Pipeline Company (SPLC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Shell ได้ดำเนินการตามข้อตกลงที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแท่นขุดเจาะ Ursa ในอ่าวอเมริกา โดย ซื้อผลประโยชน์ในการดำเนินงาน (working interest) จาก ConocoPhillips เสร็จสิ้นแล้ว

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว Shell ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแท่นขุดเจาะ Ursa จาก 45.3884% เป็น 61.3484% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Shell ในการลงทุนในโครงการน้ำมันและก๊าซที่มีผลกำไรและสามารถแข่งขันด้านคาร์บอนได้ โดยมีห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการที่แข็งแกร่ง การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในสินทรัพย์ที่มีอยู่ยังช่วยให้ Shell สามารถรักษาเสถียรภาพในการผลิตของเหลวจากธุรกิจต้นน้ำที่มีความได้เปรียบของตนเอง
ปัจจุบัน Shell เป็นผู้ดำเนินการแท่นขุดเจาะ Ursa Tension-Leg Platform (TLP) และถือสัดส่วนผลประโยชน์ในการดำเนินงาน 61.3484% โดยมี BP Exploration & Production ถือหุ้น 22.6916% และ ECP GOM III ถือหุ้น 15.96%
นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังรวมถึงการซื้อผลประโยชน์จาก ConocoPhillips ในส่วนอื่น ๆ ได้แก่:
- สัดส่วนสมาชิกภาพ 11.81% ในบริษัท Ursa Oil Pipeline Company LLC ซึ่งดำเนินการโดย Shell และจะถูกถือครองโดย SPLC ภายหลังจากการใช้สิทธิพิเศษโดยพันธมิตร สัดส่วนผลประโยชน์ในการดำเนินงานของ Shell ในท่อส่งน้ำมัน Ursa เพิ่มขึ้นจาก 45.39% เป็น 57.20%
- ผลประโยชน์ในการดำเนินงาน 1% ในแหล่งก๊าซ Europa ซึ่งดำเนินการโดย Shell เช่นกัน
- ส่วนแบ่งรายได้จากการผลิตขั้นต้น (Overriding Royalty Interest – ORRI) ใน Ursa 3.5%