Starbucks เตรียมแผนปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะ เพิ่มจำนวนบาริสต้า และ เพิ่มชั่วโมงการทำงานของพนักงาน ในร้านกาแฟทั่วโลก พร้อมทั้ง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีอัตโนมัติ หลังจากที่ ไบรอัน นิคคอล CEO คนใหม่ พยายามพลิกฟื้นสถานการณ์ของเชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่รายนี้

นิคคอลยอมรับว่า การลดจำนวนพนักงานในร้านส่งผลเสียต่อบริษัท และสมมติฐานที่ว่าเทคโนโลยีจะสามารถชดเชยการลดจำนวนพนักงานนั้นไม่ถูกต้องตามสถานการณ์จริง บริษัทได้ทดลองเพิ่มจำนวนพนักงานในร้านบางแห่งตั้งแต่เขามารับตำแหน่งเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2024 และได้ขยายโครงการนำร่องนี้ไปยังร้านกาแฟประมาณ 3,000 แห่งจากทั้งหมด 36,000 แห่งทั่วโลก
นิคคอลกล่าวว่า อุปกรณ์ไม่สามารถแก้ปัญหาประสบการณ์ลูกค้าได้ แต่การมีพนักงานเพียงพอและการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนต่างหากที่จะทำได้ นอกจากนี้ บริษัทจะ ชะลอการเปิดตัวระบบ “ไซเรน คราฟต์” ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำเครื่องดื่ม
นิคคอล ซึ่งเป็น CEO คนที่สี่ของ Starbucks ในระยะเวลาไม่ถึงสามปี ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุง “เมนูที่ซับซ้อนเกินไป” และเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านราคา หลังจากที่ ลูกค้าเริ่มหันหลังให้กับ Starbucks เนื่องจากราคาสูงขึ้น ในขณะที่บริษัทก็เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่บริษัทกำลังพิจารณา ได้แก่ การอบและประกอบอาหารบางรายการในร้านในปริมาณมาก การเขียนโน้ตด้วยลายมือบนแก้ว การใช้แก้วเซรามิก และการปรับปรุงที่นั่งในร้าน เพื่อให้ลูกค้าต้องการ “นั่งและอยู่ในร้านกาแฟของเรา” มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แผนการพลิกฟื้นสถานการณ์ของนิคคอลดูเหมือนจะยังไม่ส่งผลต่อผลกำไรสุทธิมากนัก โดย Starbucks รายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดการณ์สำหรับสามเดือนแรกของปี โดย ยอดขายทั่วโลกลดลง 1% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 แม้ว่ายอดขายในสหรัฐฯ จะอ่อนตัวลง แต่ยอดขายในจีนและแคนาดากลับเพิ่มขึ้น