ไทยเตรียมออกกฎหมาย “ตรวจสอบสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม” สร้างมาตรฐานใหม่ความรับผิดชอบธุรกิจ

ประเทศไทยประกาศความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความรับผิดชอบของภาคธุรกิจ ด้วยการร่างกฎหมายบังคับให้บริษัทต่าง ๆ ต้องทำการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานของตนเอง กฎหมายนี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการดำเนินธุรกิจและเสริมสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน

ทำไมไทยต้องออกกฎหมายนี้?

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งจากปัญหาการค้ามนุษย์ที่ยังคงมีอยู่ โดยมีตัวเลขประมาณ 401,000 คนที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ในไทยเมื่อปี 2564 และการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติในเรื่องการจัดการประเด็นสิทธิมนุษยชน การออกกฎหมายนี้จึงเป็นความพยายามที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะศูนย์กลางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ และตอบสนองต่อความคาดหวังของนานาชาติ

กฎหมายนี้จะส่งผลอย่างไร?

กฎหมายฉบับนี้จะบังคับให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต้องระบุ ป้องกัน และแก้ไขความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานของตนเอง โดยรัฐบาลไทยกำลังพิจารณาว่าจะบังคับใช้กฎหมายนี้แบบค่อยเป็นค่อยไปหรือบังคับใช้ทันที และจะให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อย่างไรในการปฏิบัติตามข้อกำหนด

มาตรการลงโทษและแรงจูงใจ

กฎหมายนี้จะมีการผสมผสานระหว่างมาตรการลงโทษและแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ ปฏิบัติตามข้อกำหนด บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามอาจต้องเผชิญกับการลงโทษทางแพ่ง เช่น ค่าปรับ ในขณะที่บริษัทที่ปฏิบัติตามอาจได้รับประโยชน์จากมาตรการทางภาษีและโอกาสในการทำสัญญากับภาครัฐ

ไทยกับการเสริมสร้างความมุ่งมั่นด้านสิทธิมนุษยชน

ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่เปิดตัวแผนปฏิบัติการระดับชาติ (NAP) ว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนในปี 2562 และแผนปฏิบัติการฉบับที่สอง (2566-2570) ได้ปูทางสำหรับการร่างกฎหมายหรือมาตรการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ให้คำมั่นสัญญาโดยสมัครใจที่จะสำรวจกฎหมายตรวจสอบสิทธิมนุษยชนในการทบทวนตามวาระสากลที่สหประชาชาติในปี 2564

โอกาสของไทยในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ

การออกกฎหมายตรวจสอบสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม จะทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างแบบอย่างในเอเชียสำหรับความรับผิดชอบขององค์กร และเสริมสร้างสถานะของประเทศไทยในฐานะผู้นำในการค้าที่เป็นธรรมและยั่งยืน โดยคาดว่าร่างกฎหมายจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณา และจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะในช่วงกลางปี

ที่มา : https://www.walkfree.org/news/2025/thailand-to-introduce-mandatory-supply-chain-due-diligence-law/

About pawarit

Check Also

Continental ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่! เตรียมขายธุรกิจ ContiTech มุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกเต็มตัว

Continental บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิ้นส่วนยานยนต์และยางรถยนต์ ได้ยืนยันแผนการ ขายกลุ่มธุรกิจ ContiTech อย่างเป็นทางการ โดยจะขายแผนกยางและพลาสติกในปี 2026 หลังจากแยกกลุ่มธุรกิจยานยนต์ออกเป็นบริษัทใหม่ชื่อ Aumovio ในเดือนกันยายนนี้ และขายธุรกิจชิ้นส่วนยางรถยนต์ในปลายปี 2025

Accenture เข้าซื้อ SYSTEMA เสริมแกร่งบริการระบบอัตโนมัติภาคการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

Accenture ประกาศเข้าซื้อกิจการ SYSTEMA ผู้ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์และบริการให้คำปรึกษาด้านระบบอัตโนมัติสำหรับภาคการผลิต ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี การเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของ Accenture ในการสนับสนุนลูกค้าในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีชั้นสูง