นโยบาย EV 3.0 ของประเทศไทย กำลังเผชิญความท้าทายที่สำคัญ “อุปทานล้นตลาด”

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (EVAT) ออกประกาศเตือนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย เพื่อแจ้งเตือนพวกเขาถึงความเป็นไปได้ที่ EV จะล้นตลาดในปีต่อๆ ไป คำเตือนนี้เกิดขึ้นจากข้อกำหนดการผลิตที่กำหนดไว้ภายใต้นโยบาย EV 3.0

นโยบาย EV 3.0 ก่อนหน้านี้ ได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเสนอการยกเว้นภาษีนำเข้าและเงินอุดหนุนอื่น ๆ ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ยังกำหนดอัตราส่วนการผลิต 1:1 สำหรับการนำเข้าไปยังรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในท้องถิ่นในปี 2567 และอัตราส่วน 1:1.5 ในปี 2568

“เป็นที่คาดกันว่าภายในปี 2568 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องผลิตได้ 180,000 คันเพื่อชดเชยการนำเข้า ด้วยกำลังซื้อที่ต่ำในตลาดไทย ผู้ผลิตรถยนต์จะต้องมองหาตลาดรองเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตน ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียจากอุปทานล้นตลาด” กฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย หรือ EVAT กล่าว พร้อมประเมินว่า “ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดไทยมีประมาณ 600,000 คัน ในขณะที่กำลังการผลิตรวมของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 7 รายในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 490,000 คัน หากโรงงานเหล่านี้ดำเนินการอย่างเต็มกำลังการผลิต การผลิตจะเกิน 60% ของความต้องการทั้งหมด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอุปทานล้นตลาด”

  • เพื่อลดความเสี่ยงนี้ นายกฤษดา แนะนำให้คณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติพิจารณามาตรการต่าง ๆ เช่น กระตุ้นให้สถาบันการเงินผ่อนคลายข้อกำหนดในการกู้ยืม ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น
  • กรมสรรพสามิตคาดการณ์ว่า จะมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 185,029 คันภายใต้นโยบาย EV 3.0 ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 84,195 คันที่นำเข้าก่อนหน้านี้ในปี 2565 ถึง 2566 และ 66,448 คันในปี 2567 และคาดว่าจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 34,386 คันในปี 2568
  • บริษัท 5 อันดับแรกที่คาดว่าจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดระหว่างปี 2565 ถึง 2568 ได้แก่ Rever Automotive (77,247 คัน), Neta Auto (40,837 คัน), ยอดขาย MG (27,186 คัน), Great Wall Motor Manufacturing (24,225 คัน) และ EV Primus (8,493 คัน)
  • กรมฯ ได้จัดสรรเงินอุดหนุนสำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 40,000 คัน จากทั้งหมด 75,000 คัน ขณะนี้เตรียมของบประมาณ 7,000 ล้านบาทจากคณะรัฐมนตรีเพื่ออุดหนุนการนำเข้าที่เหลือ
  • ผู้ผลิตที่ไม่ปฏิบัติตามอัตราส่วนการผลิตในประเทศที่กำหนดเพื่อชดเชยการนำเข้าจะต้องถูกลงโทษ ซึ่งรวมถึงการคืนเงินอุดหนุนและค่าปรับเป็นสองเท่าของมูลค่าภาษีนำเข้าที่ได้รับการยกเว้น

จากข้อมูลข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของตลาด EV และไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่เพียงลำพัง หากมองออกไปยังตลาดประเทศต่าง ๆ ก็พบว่าไม่ต่างกัน แล้วอะไรละที่เป็นตัวแปรสำคัญของ “อุปทานล้นตลาด”

ที่มา : https://aseannow.com/topic/1332698-thailand%E2%80%99s-ev-30-policy-faces-major-oversupply-challenges/

About pawarit

Check Also

“PepsiCo” บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการ “poppi” แบรนด์โซดาพรีไบโอติก มูลค่า 1,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เป๊ปซี่โค (PepsiCo) ได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการเข้าซื้อกิจการ “ป็อปปี้” (poppi) แบรนด์โซดาพรีไบโอติกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยมูลค่า 1,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ทางภาษีเงินสดที่คาดว่าจะได้รับ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ราคาสุทธิในการซื้อกิจการอยู่ที่ 1,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เด็กซ์ซอนปักหมุดปี 68 รุกตลาดโลกดันรายได้พุ่ง 900 ล้านบาท

วางเกมเติบโต 20% หลังผลงานปี 67 เข้าเป้าทุกมิติ