การยางแห่งประเทศไทย ผนึก หอการค้าไทย และการยางแห่งประเทศไทย ผุดโครงการ Capital Flow in Rubber Industrial Estate มุ่งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานยางพาราในระดับโลก

การส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางมีมูลค่ากว่า 680,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีผู้คนที่มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานมากกว่า 6,000,000 คน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำรวมถึงเกษตรกร
ความร่วมมือระหว่างหอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย การยางแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในอุตสาหกรรมยางของไทย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว. คลัง เปิดเผยว่า “การจัดสรรงบประมาณปี 2566 จำนวน 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่ายางและผลิตภัณฑ์ยาง ปูทางให้ยางไทยขยายส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลก”
ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งรวมถึงบริษัทต่างๆ เช่น บริษัท Thai Hua Rubber and Construction Products จำกัด จะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าของยางพาราไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการนำเศษยางไปใช้ประโยชน์
ชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยปีที่แล้วไทยส่งออกยางดิบและผลิตภัณฑ์ยาง 500,000 ตัน ขณะที่ขายในประเทศประมาณ 1,000,000 ตัน การส่งออกยางพาราของไทยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% ในปีนี้ แม้ว่าการส่งออกในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติก สิ่งทอ และเคมีภัณฑ์จะหดตัวเนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่ลดลง
ชัยชาญ กล่าวว่า “แม้ว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนจากรถยนต์ทั่วไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ยังมีความต้องการยางเนื่องจากยางยังมีความจำเป็น”
กระทรวงพาณิชย์ ระบุ ไทยเป็นผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของโลกและส่งออกผลิตภัณฑ์ยางเป็นอันดับ 4 ซึ่งตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ที่มา : thethaiger