สหรัฐฯ ขึ้นภาษีเหล็ก-อลูมิเนียม ไม่แก้ปัญหาจีนทุ่มตลาด ซ้ำเติมอุตฯ สหรัฐฯ-ยุโรป

สหรัฐฯ ขึ้นภาษี 25% นำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากทุกประเทศ หวังแก้ปัญหาจีนทุ่มตลาด แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าไม่สำเร็จ เพราะจีนส่งออกไปสหรัฐฯ น้อย และยังคงอุดหนุนผู้ผลิตเพื่อรักษาการจ้างงานภายในประเทศ ภาษีนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในสหรัฐฯ และยุโรปมากกว่าจีน โดยเพิ่มต้นทุนการผลิตและอาจนำไปสู่การเลิกจ้างงาน นอกจากนี้ อาจทำให้ประเทศที่โดนภาษีหันไปร่วมมือกับจีนมากขึ้น

ประเด็นหลัก:

  • สหรัฐฯ ตั้งภาษี: ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าทั้งหมด หวังปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ
  • จีนตอบโต้: จีนประท้วงภาษีใหม่ แต่ส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปสหรัฐฯ โดยตรงน้อยมาก
  • ปัญหาทุ่มตลาด: จีนผลิตเหล็กและอลูมิเนียมเกินครึ่งของโลก และให้เงินอุดหนุนผู้ผลิต ทำให้ราคาทั่วโลกต่ำลง
  • เหตุผลอุดหนุน: จีนอุดหนุนเพื่อรักษาการจ้างงานภายในประเทศ หลังวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ทำความต้องการลดลง
  • ผลกระทบ:
    • ภาษีไม่แก้ปัญหาจีนทุ่มตลาด แต่เพิ่มต้นทุนอุตสาหกรรมสหรัฐฯ และยุโรป
    • อาจทำให้เกิดการเลิกจ้างงานในอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กและอลูมิเนียม
    • อาจทำให้ประเทศที่โดนภาษี หันไปร่วมมือกับจีนมากขึ้น
  • มุมมอง: ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าภาษีนี้เหมือน “ใช้ค้อนทุบ แทนที่จะใช้มีดผ่าตัด” คือไม่ตรงจุด และส่งผลเสียต่อผู้ที่ต้องการช่วยเหลือ
  • จีนหาตลาดใหม่: ผู้ผลิตจีนต้องหาตลาดใหม่ หรือเพิ่มการใช้เหล็กในอุตสาหกรรมภายในประเทศ

แม้ว่าจีนจะออกมาประท้วงการกระทำดังกล่าวว่าเป็น “การกระทำแบบเอกภาคีและกีดกันทางการค้า” แต่ในความเป็นจริง จีนส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ โดยตรงในปริมาณที่น้อยมาก เนื่องจากมีกำแพงภาษีเดิมอยู่แล้ว ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ว่า จีนส่งออกอลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ เพียง 0.2 ล้านตันในปีที่ผ่านมา ในขณะที่แคนาดาซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดส่งออกถึง 3.1 ล้านตัน ส่วนการส่งออกเหล็กจากจีนไปยังสหรัฐฯ ก็มีปริมาณเพียง 508,000 ตัน หรือ 1.8% ของการนำเข้าเหล็กทั้งหมดของสหรัฐฯ ในปี 2567

อย่างไรก็ตาม จีนมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเหล็กและอลูมิเนียมทั่วโลก โดยผลิตเหล็กมากกว่า 50% และอลูมิเนียมมากกว่า 60% ของผลผลิตทั่วโลก และผู้ผลิตเหล่านี้ยังได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้สินค้ามีราคาถูกกว่าความเป็นจริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

ผู้เชี่ยวชาญในจีนยอมรับว่า โรงงานเหล็กและอลูมิเนียมจำนวนมากในจีนได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งหากไม่มีการอุดหนุนเหล่านี้ โรงงานเหล่านี้คงต้องปิดตัวลงไปแล้ว แต่การอุดหนุนนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อครองตลาดโลก แต่เป็นการป้องกันการว่างงานจำนวนมากภายในประเทศ เนื่องจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน ทำให้ความต้องการเหล็กและอลูมิเนียมลดลงอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตจีนก็ต้องหาตลาดใหม่สำหรับเหล็กและอลูมิเนียมของตนเอง โดยการสำรวจตลาดใหม่ หรือเพิ่มการใช้เหล็กในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต

ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่มองว่า กำแพงภาษีใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร เช่น เยอรมนี มากกว่าจีน โดยจะเพิ่มต้นทุนการผลิตและทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง และวิศวกรรมเครื่องกลในยุโรปด้วย

โดยสรุป ผู้เชี่ยวชาญทั้งในจีนและต่างประเทศมองว่า กำแพงภาษีใหม่นี้จะส่งผลเสียต่อผู้ที่ต้องการช่วยเหลือ ซึ่งก็คือพนักงานในอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งอาจต้องเผชิญกับการเลิกจ้างงานมากขึ้นเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น

ที่มา : https://www.all-about-industries.com/us-tariffs-on-steel-and-aluminum-impact-on-china-a-f535ef0b9ff47aae334c70ffb4ac0775/

About pawarit

Check Also

DHL Supply Chain ประเทศไทย จับมือ มิชลิน เปิดตัวรถหัวลากไฟฟ้า ลดมลพิษสู่เป้าหมาย Net Zero

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม DHL Supply Chain ประเทศไทย จับมือกับมิชลิน เปิดตัวรถหัวลากไฟฟ้า 100% เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050

GM จับมือ NVIDIA สร้างรถยนต์อัจฉริยะ โรงงานหุ่นยนต์ ด้วยพลัง AI

เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นการจับมือกันครั้งใหญ่ของวงการยานยนต์และเทคโนโลยีเลยทีเดียว บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง General Motors (GM) ประกาศร่วมมือกับ NVIDIA ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ โรงงานอัจฉริยะ และหุ่นยนต์ที่ใช้พลังของ AI และการจำลองขั้นสูง