เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่ Nissan และ Honda ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน ตัดสินใจพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการ เพื่อสร้างบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการพัฒนาที่พุ่งสูงขึ้นในยุครถยนต์ไฟฟ้า และเสริมความแข็งแกร่งในตลาด แต่แล้วความหวังนั้นก็พังทลายลง การเจรจาล้มเหลว ทำให้นิสสันที่กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงิน ต้องมองหาพันธมิตรรายใหม่

สถานการณ์เช่นนี้ของ Nissan ในปัจจุบันนั้นน่าเป็นห่วง บริษัทเพิ่งประกาศเลิกจ้างพนักงานถึง 9,000 คน และถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันการเงิน ทำให้พวกเขาต้องเร่งหาทางออก และเป้าหมายที่นิสสันมองเห็นคือ “Tesla”
รายงานจาก Financial Times ระบุว่า กลุ่มผู้บริหารของ Nissan ได้วางแผนที่จะดึงดูดเทสลาให้มาเป็นพันธมิตร โดยใช้โรงงานในสหรัฐฯ เป็นจุดขายหลัก Nissan รู้ดีว่า Tesla พึ่งพาชิ้นส่วนจากทั่วโลก และหากโดนัลด์ ทรัมป์ นำมาตรการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มาใช้จริง ก็จะส่งผลกระทบต่อเทสลาอย่างแน่นอน
Nissan เห็นโอกาสนี้จึงเสนอทางออกให้ Tesla โดยให้ Tesla เข้าควบคุมโรงงานของ Nissan ในอเมริกาเหนือ ซึ่งจะช่วยให้เทสลาเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศได้ “Nissan มีโรงงานประกอบรถยนต์ 2 แห่งในเทนเนสซีและมิสซิปปี ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันประมาณ 1 ล้านคัน แต่ในปี 2024 ผลิตได้เพียง 525,000 คันเท่านั้น” Financial Times รายงาน
นอกจากนี้ Nissan ยังกังวลว่า หากปล่อยเวลาเนิ่นนาน นักลงทุนต่างชาติอาจเข้ามาซื้อกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Foxconn บริษัทจากไต้หวัน ที่แสดงความสนใจและได้ติดต่อเรโนลต์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Nissan แล้ว การหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับ Nissan ในขณะนี้