
โลกพลังงานกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และญี่ปุ่นก็ไม่รอช้า วันนี้ ENEOS บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งแดนอาทิตย์อุทัย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Honeywell ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก เดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศไฮโดรเจนเชิงพาณิชย์ขนาดมหึมาเป็นครั้งแรกของโลก งานนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั้งแต่การผลิต จัดเก็บ ขนส่ง จ่ายแจก ไปจนถึงการรีไซเคิลวัสดุในกระบวนการผลิตไฮโดรเจนอย่างครบวงจร
หัวใจสำคัญของโปรเจกต์สุดทะเยอทะยานนี้คือ กระบวนการดีไฮโดรจีเนชัน Methylcyclohexane (MCH) สุดล้ำของ Honeywell UOP ที่จะถูกติดตั้งภายในโรงกลั่นน้ำมันของ ENEOS ในญี่ปุ่น เทคโนโลยีนี้เองที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพการขนส่งไฮโดรเจนทางไกลได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในโซลูชัน Liquid Organic Hydrogen Carrier (LOHC) อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honeywell
Rajesh Gattupalli – Honeywell UOP กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ในยุคที่ความต้องการพลังงานทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น การนำเข้าไฮโดรเจนที่มีต้นทุนคุ้มค่าจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายภูมิภาค ประเทศที่มีทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนมหาศาล หรือมีโครงสร้างพื้นฐานไฮโดรเจนที่แข็งแกร่ง จะกลายเป็นผู้เล่นหลักในการป้อนไฮโดรเจนสู่ตลาดโลก และกระบวนการดีไฮโดรจีเนชัน MCH ของเรา จะช่วยให้ ENEOS สร้างความได้เปรียบเชิงพาณิชย์ ตอบสนองความต้องการพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง”
เบื้องหลังเทคโนโลยีสุดล้ำ:
- แปลงร่างไฮโดรเจน: ก๊าซไฮโดรเจนจะถูกเปลี่ยนสภาพเป็น MCH ผ่านกระบวนการ Toluene Hydrogenation ของ Honeywell
- ขนส่งปลอดภัย ไร้กังวล: MCH ในสถานะของเหลว สามารถขนส่งทางเรือหรือรถบรรทุกได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกว่าการขนส่งก๊าซไฮโดรเจนโดยตรง
- คืนชีพไฮโดรเจน: เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ไฮโดรเจนจะถูกสกัดกลับมาจาก MCH ด้วยกระบวนการดีไฮโดรจีเนชัน MCH ของ Honeywell
- รีไซเคิลอัจฉริยะ: ผลพลอยได้ที่เหลืออย่างโทลูอีน สามารถส่งกลับไปรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตได้อย่างยั่งยืน
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่จุดเริ่มต้น เพราะในปี 2024 ทั้งสองบริษัทได้ประกาศแผนการพัฒ โครงการ LOHC เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นแห่งแรกของโลกในพื้นที่ต่าง ๆ ของ ENEOS ซึ่งเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการผลักดันเทคโนโลยีไฮโดรเจนให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
การจับมือกันของ ENEOS และ Honeywell ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานไฮโดรเจนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญให้ทั่วโลกเห็นถึงความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดแห่งอนาคต เตรียมตัวให้พร้อม เพราะ “ทางด่วนไฮโดรเจน” กำลังจะเปิดใช้งาน และโลกพลังงานจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล