บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยจะทุ่มงบประมาณ 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างโรงงานผลิตยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์แห่งใหม่ 3 แห่ง และขยายฐานการผลิตที่มีอยู่เดิม

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตยาชีววัตถุแห่งใหม่ขนาด 500,000 ตารางฟุตในเมืองวิลสัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้เปิดเผยแผนการลงทุนกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานแห่งนี้ ซึ่งจะสร้างงานมากกว่า 500 ตำแหน่ง และผลิตยารักษาโรคมะเร็ง โรคทางภูมิคุ้มกัน และโรคทางระบบประสาท
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไม่ได้ระบุถึงสถานที่ตั้งของโรงงานผลิตใหม่ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งไม่รวมโรงงานในเมืองวิลสัน
นอกเหนือจากการลงทุนด้านการผลิตแล้ว จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังกล่าวว่าจะเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเร่งกระบวนการค้นคว้าและพัฒนายา การลงทุน 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี้เป็นการเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทอีไล ลิลลี่ (Eli Lilly) เปิดเผยแผนการลงทุน 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานผลิตใหม่ 4 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ยอดการลงทุนทั้งหมดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในงานแถลงข่าวที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Lilly in America” ซีอีโอ เดวิด ริคส์ (David Ricks) กล่าวว่าบริษัทจะเริ่มการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่เรียกว่า “เมกาไซต์” ในปีนี้
การให้คำมั่นสัญญาในการลงทุนเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่ที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศบางรายการ และผลักดันให้บริษัทอเมริกันเพิ่มการลงทุนในประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) ได้ประกาศแผนการลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 4 ปี
ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน บริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ประกาศว่าจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2026 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตและการวิจัยและพัฒนา แอสตราเซเนกา กล่าวว่าแผนนี้จะสร้างงานมากกว่า 1,000 ตำแหน่ง
ในช่วงการประชุมทางโทรศัพท์เพื่อรายงานผลประกอบการ ซีอีโอ ปาสคาล โซริออท (Pascal Soriot) กล่าวว่าคำมั่นสัญญานี้ “เป็นการแสดงถึงความมั่นใจของเราในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า”