แม้ผู้บริหาร Kraft Heinz (KHC.O) จะยอมรับว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกต่ำในรอบ 70 ปี และบริษัทเพิ่งปรับลดประมาณการยอดขายและกำไร แต่ยักษ์ใหญ่อาหารรายนี้กลับประกาศแผนการลงทุนครั้งสำคัญ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อยกระดับโรงงานผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ

ปัจจัยและเป้าหมายของการลงทุน:
- ลดต้นทุนการผลิต: การปรับปรุงโรงงานจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งอาจช่วยชดเชยผลกระทบจากภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจ
- เร่งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่: การลงทุนจะช่วยให้ Kraft Heinz คิดค้นและนำเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้น
- รักษาส่วนแบ่งทางการตลาด: บริษัทมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อความสามารถในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่การรับมือกับความท้าทายด้านภาษีในปัจจุบัน
- สร้างงานก่อสร้าง: คาดว่าจะสร้างงานก่อสร้างใหม่ประมาณ 3,500 ตำแหน่ง
สถานการณ์ปัจจุบันของ Kraft Heinz:
- มีโรงงานผลิต 30 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา
- แจ้งนักวิเคราะห์ว่าภาษีนำเข้ากำลังเพิ่มต้นทุน และผู้บริโภคซื้อสินค้าน้อยลงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- ปัจจุบันเผชิญภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภท เช่น กาแฟ หลังสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด
- สินค้านำเข้าจากจีนที่มีภาษีสูงกว่านั้นมีปริมาณน้อย
- สินค้าเกือบทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผลิตภายในประเทศ โดยใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น มะเขือเทศจากแคลิฟอร์เนียและมันฝรั่งจากไอดาโฮ
บริษัทคาดการณ์ว่าการลงทุนครั้งนี้จะสร้างงานก่อสร้างใหม่ประมาณ 3,500 ตำแหน่งในพื้นที่ตั้งของโรงงาน นาวิโอกล่าวว่า บริษัทไม่คาดว่าจะต้องการพนักงานเพิ่มเติมหลังจากนั้น ก่อนหน้านี้ Kraft Heinz ได้ประกาศลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าใน DeKalb รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งจะสร้างงานใหม่ 60 ตำแหน่ง การลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ Kraft Heinz ประกาศล่าสุด
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ผลิตกระดาษทิชชู่ Kimberly-Clark (KMB.N) และผู้ผลิตเบียร์ Anheuser-Busch InBev (ABI.BR) ก็ได้ประกาศแผนการลงทุนที่คล้ายคลึงกันเช่นกัน
นอกจากนี้ Mars ผู้ผลิตขนมหวาน เช่น M&M’s และอาหารสัตว์เลี้ยง ได้ประกาศเมื่อวันพุธว่าจะเปิดโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับแบรนด์ Royal Canin ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่บริษัทได้ดำเนินการในภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา