Mitsubishi Electric Corporation สร้างความฮือฮาในวงการอุตสาหกรรม ด้วยการเปิดตัวโมเดลภาษา (Language Model) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกระบวนการผลิตในโรงงาน ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้บนอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่าง Edge Device

เทคโนโลยี AI ภายใต้แบรนด์ Maisart® นี้ ได้รับการฝึกฝนล่วงหน้าด้วยข้อมูลภายในจากปฏิบัติการของ Mitsubishi Electric เอง ทำให้สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายในด้านการผลิตเฉพาะทาง นอกจากนี้ โมเดลภาษายังใช้เทคนิคการเพิ่มข้อมูล (Data-augmentation) ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อสร้างการตอบสนองที่เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะของผู้ใช้
ปัจจุบัน การนำ AI กำเนิด (Generative AI) มาใช้ในวงกว้าง ทำให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความต้องการพลังงานและทรัพยากรการประมวลผลที่สูงของ LLMs กลายเป็นข้อกังวลที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีความต้องการ AI กำเนิดที่สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมภายในองค์กร (On-premises) เพื่อตอบสนองข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการจัดการข้อมูลที่เป็นความลับ
การใช้งาน AI ในภาคการผลิตกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์, การเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร, แหล่งเก็บข้อมูลความรู้สำหรับช่างเทคนิคและพนักงานซ่อมบำรุง, การควบคุมคุณภาพ, การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ไปจนถึงการจัดการห่วงโซ่อุปทานและสินค้าคงคลัง
ด้วยเหตุนี้ Mitsubishi Electric จึงได้พัฒนาโมเดลภาษาเฉพาะทาง โดยการนำโมเดลภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานที่เผยแพร่ทั่วไปมาฝึกฝนเพิ่มเติมด้วยข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจากโดเมนธุรกิจของตนเอง รวมถึงระบบ Factory Automation (FA) การใช้ข้อมูลการฝึกอบรมที่สร้างขึ้นผ่านเทคนิคการเพิ่มข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัท ทำให้สามารถปรับแต่งโมเดลให้เหมาะสมกับงานเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือโมเดลที่มีขนาดกะทัดรัดเพียงพอที่จะทำงานได้ด้วยทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่จำกัด ทำให้เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัดด้านการประมวลผล เช่น Edge Device รวมถึงการปฏิบัติงานในสถานที่ เช่น ศูนย์บริการลูกค้าที่จัดการข้อมูลลูกค้าที่ละเอียดอ่อน
ที่มา : https://www.eenewseurope.com/en/mitsubishi-develops-edge-language-model-for-manufacturing/