ปี 2023 ที่ผ่านมา เทรนด์ ESG แนวทางการลงทุนระยะยาวรูปแบบใหม่สู่ธุรกิจสีเขียวถูกพูดถึงมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เป้าหมายสำคัญ คือ เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลก

แนวคิด ESG ประกอบด้วยอะไรบ้าง:
ESG เป็นแนวทางการลงทุนระยะยาวรูปแบบใหม่สู่ธุรกิจสีเขียว ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย:
- Environmental) ด้าน “สิ่งแวดล้อม” มีการคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดในระหว่างกระบวนการดำเนินธุรกิจ
- Social “ด้านสังคม” มีการจัดการความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงาน/ลูกจ้าง ลูกค้า ชุมชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
- Governance ด้าน “ธรรมาภิบาล” มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย
จากข้อมูลของ FTI ระบุว่า ประเด็นความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นวาระเร่งด่วนระดับชาติและทั่วโลก เนื่องจากความชัดเจนของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP28) ที่ผ่านมา ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายการรักษาระดับไม่ให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และตระหนักว่าจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 43 ภายในปี 2573 และร้อยละ 60 ภายในปี 2578 นั้น ยิ่งเป็นตัวผลักดันสำคัญให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและการลงทุนต้องปรับแก้บริบทของการดำเนินกิจการ และที่สำคัญกว่านั้นคือ ยังเป็นบทพิสูจน์ของธุรกิจอีกด้วยว่า จะสามารถรักษาความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดได้อย่างไร
การจัดอันดับบริษัทที่อยู่ภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน จะแบ่งการประเมินรูปแบบออกมาทั้งหมด 5 กลุ่ม คือ
- กลุ่ม Top 1% หรือ Gold Class
- กลุ่ม Top 5% หรือ Silver Class
- กลุ่ม Top 10% หรือ Blonze Class
- กลุ่ม Industry Mover กลุ่มบริษัทที่อยู่ภายในกลุ่ม 15% ที่ดำเนินธุรกิจได้ดีที่สุดและมีพัฒนาเรื่องความยั่งยืนอย่างก้าวกระโดดในการประเมินปี 2022 เทียบกับปีก่อนหน้า
- กลุ่ม Sustainability Yearbook Member
การประเมินผล CSA ในปี 2022 นำมาจัดอันดับรายชื่อบริษัทใน Sustainability Yearbook 2023 ครอบคลุมบริษัททั้งหมด 7,822 บริษัททั่วโลก ใน 61 อุตสาหกรรม
การจัดอันดับประสิทธิภาพ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ของประเทศไทยในปี 2023 เริ่มมีหลายธุรกิจอุตสาหกรรมที่ลงทุนด้าน ESG มากขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลจาก The Sustainability Yearbook 2023 โดย S&P Global ได้มีการประเมินความยั่งยืนขององค์กรทั่วโลก (Corporate Sustainability Assessment: CSA) ซึ่งพิจารณาจากรายชื่อบริษัททั่วโลกมากกว่า 7,800 แห่ง ครอบคลุมทุกหมวดหมู่อุตสาหกรรม มีคะแนนตั้งแต่ระดับ Top 1 %, Top 5 % และ 10 % ตามลำดับ หากบริษัทใดต้องการระดับ Top 1 % บริษัทนั้นต้องได้ผลคะแนนประเมินตั้งแต่ 85 คะแนน จาก 100 คะแนน และเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยมี 12 บริษัท ที่ได้รับการประเมินในระดับ Top 1 % ในครั้งนี้ด้วย ได้แก่
1. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
6. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)
8. บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
9. บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
10. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
11. บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
12. บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)
ที่มา : S&P Global, FTI