ManuTalkThai ศูนย์รวมข่าว Industrial Technology ออนไลน์ในประเทศไทย
รัฐบาลทั่วโลกกำลังเร่งลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์อันเนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงานและต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง TrendForce รายงานว่า จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และเยอรมนี อยู่ในห้าอันดับแรกของประเทศที่มีการติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าประเทศเหล่านี้จะยังคงดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วยมูลค่ากว่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2025 โดยสหรัฐอเมริกามีระบบนิเวศ AI ที่ก้าวหน้ากว่า ในขณะที่จีนมุ่งไปที่การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง ด้วยความแตกต่างดังกล่าว คาดว่าจะผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มีราคาต่างกันและการใช้งานมีความหลากหลายมากขึ้นในอนาคต
TrendForce ระบุว่า การลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะมุ่งในด้านหุ่นยนต์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์อวกาศ และหุ่นยนต์ทางการทหาร ในขณะที่ในภาคหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoid robotics) ที่นำโดยบริษัทต่างๆ เช่น Tesla และ Boston Dynamics เป็นการใช้งานเริ่มแรกที่เน้นเพื่อการผลิต คลังสินค้า และโลจิสติกส์
ในทางเทคนิคแล้ว บริษัทในสหรัฐฯ มีความโดดเด่นในด้านการฝึก AI รวมถึงการพัฒนาโมเดลการมองเห็นและภาษา (vision-language action) (VLA) เป็นรุ่นแรก เพื่อใช้ในการควบคุมร่างกายส่วนบนของหุ่นยนต์มนุษย์ด้วยความถี่สูง โดยการผสานรวมกับ Google Gemini 2.0 เพื่อปรับปรุงการรับรู้เชิงพื้นที่ และการทำงานร่วมกันกับ NVIDIA เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการเคลื่อนที่ผ่านการเรียนรู้แบบเสริมแรง
บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น Qualcomm และ NVIDIA ต่างนำเสนอวิธีการแบบครบวงจรด้วยพลังการประมวลผลเกิน 150 TOPS นอกจากนี้ MCU ประสิทธิภาพสูงจาก Texas Instruments และ Analog Devices ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศหุ่นยนต์ที่ครอบคลุมการขับเคลื่อนด้วย AI ของสหรัฐฯ อีกด้วย
ในทางกลับกัน จีนได้ระบุว่า หุ่นยนต์ถูกจัดให้มีความสำคัญทางกลยุทธ์ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 (2021–2025) และยังออกนโยบายต่างๆ รวมถึงแนวทางสำหรับนวัตกรรมหุ่นยนต์มนุษย์ โดยเน้นที่การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่สามารถพึ่งพาตนเองได้และชิ้นส่วนที่มีความสำคัญ
ผู้ผลิตหุ่นยนต์มนุษย์ชั้นนำของจีน ได้แก่ Unitree Robotics, Fourier และ UBTECH ในขณะที่ “Movement Plane” ซึ่งคิดเป็นประมาณ 55% ของต้นทุนรวมหุ่นยนต์ ได้ลงทุนในประเทศเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ของจีนกำลังพัฒนามอเตอร์ไร้แกน เซนเซอร์แรง-แรงบิด 6D และไดรฟ์ฮาร์มอนิก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์มนุษย์
TrendForce ชี้ให้เห็นว่า Tuopu Group, Sanhua Intelligent Controls, Hengli Hydraulic, Seenpin และ Zhaowei ไม่เพียงแต่ให้บริการตลาดภายในประเทศของจีนเท่านั้น แต่ยังเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศหรืออยู่ระหว่างการทดสอบกับผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งการผลิตหุ่นยนต์มนุษย์กำลังมุ่งหน้าไปสู่การผลิตจำนวนมากและต้องการประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงขึ้น จึงคาดว่าข้อได้เปรียบนี้จะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น
ในการเปรียบเทียบข้อกำหนดทางเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักของหุ่นยนต์มนุษย์จากสหรัฐอเมริกาและจีน เผยให้เห็นว่า บริษัทในอเมริกาเน้นไปที่การใช้งานในอุตสาหกรรม โดยให้ความสำคัญกับความจุของน้ำหนักบรรทุกและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ในขณะที่ผู้ผลิตในจีนเน้นที่ความคล่องตัวและการเพิ่มองศาอิสระ (DoF) ในการเคลื่อนไหวร่างกายและมือทั้งหมด TrendForce ยังเน้นย้ำอีกว่า เช่นเดียวกับ AI ในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันกันระหว่างแนวทางที่ใช้เงินลงทุนสูงกับทำให้ต้นทุนต่ำ ซึ่งภาคส่วนหุ่นยนต์มนุษย์ในสหรัฐอเมริกาและจีน ต่างก็สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งของแต่ละฝ่ายเช่นกัน
ในอีกห้าปีข้างหน้า คาดว่าหุ่นยนต์มนุษย์เชิงพาณิชย์จะมีช่องว่างด้านราคาอย่างมีนัยสำคัญ และการใช้งานเป็นไปตามระดับชั้น โดยระบบนิเวศตามภูมิภาคจะเป็นการส่งเสริมการผลิตในท้องถิ่นและการพัฒนาอุตสาหกรรม
ที่มา: TrendForce
