แม้จะมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตลาดหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) อาจชะลอตัวลง แต่ข้อมูลล่าสุดและแนวโน้มสำคัญกลับชี้ให้เห็นว่าระบบอัตโนมัติสำหรับคลังสินค้ากำลังได้รับความสนใจและลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน และราคาหุ่นยนต์ที่เข้าถึงง่ายขึ้น กำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงนี้

ปัจจัยหนุนการเติบโตของระบบอัตโนมัติ:
- เทคโนโลยีเข้าถึงง่ายขึ้น: รายงานจาก MHI ชี้ว่าแม้การขาดงบประมาณและความเข้าใจในเทคโนโลยีจะเป็นอุปสรรค แต่การใช้งานหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในห่วงโซ่อุปทานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 41% ในปัจจุบันเป็น 83% ภายในห้าปีข้างหน้า
- พันธมิตรที่แข็งแกร่ง: บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่กำลังลงทุนมหาศาลในระบบอัตโนมัติ
DHL ขยายการลงทุนในหุ่นยนต์ Stretch:
DHL Group ได้สั่งซื้อหุ่นยนต์ “Stretch” สำหรับการจัดการพัสดุจาก Boston Dynamics เพิ่มอีก 1,000 ยูนิต หุ่นยนต์ Stretch สามารถขนถ่ายกล่องได้สูงสุด 700 กล่องต่อชั่วโมง โดยไม่ต้องอาศัยการทำงานของมนุษย์ การลงทุนครั้งนี้ต่อยอดความร่วมมือที่เริ่มขึ้นในปี 2561 และสะท้อนความมุ่งมั่นของ DHL ในการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ในทุกการดำเนินงาน ปัจจุบัน DHL ใช้หุ่นยนต์กว่า 7,500 ตัวทั่วโลก และคลังสินค้ากว่า 90% ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติหรือดิจิทัลอย่างน้อยหนึ่งอย่าง
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา DHL Group ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 43,000 ล้านบาท) ในระบบอัตโนมัติสำหรับแผนกโลจิสติกส์สัญญาของบริษัท ปัจจุบัน DHL ใช้หุ่นยนต์กว่า 7,500 ตัวทั่วโลก และคลังสินค้ากว่า 90% ของบริษัทใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติหรือระบบดิจิทัลอย่างน้อยหนึ่งอย่าง
ระบบอัตโนมัติคลังสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น: Autopicker 2.0 จาก Brightpick
Brightpick บริษัทระบบอัตโนมัติ ได้เปิดตัว “Autopicker 2.0” หุ่นยนต์คลังสินค้าอเนกประสงค์ตัวแรกที่สามารถทำงานได้ในระดับเดียวกับมนุษย์ หุ่นยนต์นี้มาพร้อมเทคโนโลยี AI และซอฟต์แวร์ “picking-in-motion” สามารถหยิบสินค้าได้เฉลี่ย 70-80 ชิ้นต่อชั่วโมง และทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ด้วยต้นทุนเพียง 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับการจ้างงานมนุษย์ในอัตราที่ต่ำกว่า 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง พร้อมข้อดีของการทำงานต่อเนื่อง
Autopicker 2.0 เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่มอบทั้งความเร็วและความหลากหลายในระดับเดียวกับมนุษย์ในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง และด้วยโมเดล Robotics-as-a-Service (RaaS) ทำให้ระบบอัตโนมัติขั้นสูงเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย
แนวโน้มเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า แม้การคาดการณ์ตลาด AMR อาจชะลอตัว แต่ความต้องการและโอกาสในการนำระบบอัตโนมัติสำหรับคลังสินค้ามาใช้งานจริงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีที่ฉลาดขึ้นและราคาที่จับต้องได้เป็นตัวเร่งสำคัญ
ที่มา : https://www.freightwaves.com/news/warehouse-automation-surging-ahead-despite-predicted-slowdown