
Data Center ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่เก็บรักษาข้อมูลเท่านั้น แต่ยังรองรับความต้องการในการประมวลผลของ Cloud Computing, Internet of Things (IoT), การเชื่อมต่อระยะไกล และระบบอัตโนมัติสำหรับธุรกิจ องค์กร และรัฐบาลทุกขนาด การขยายตัวของอุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนา Data Center แห่งใหม่และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของ Data Center ทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะเติบโตจาก 59 กิกะวัตต์ในปี 2025 เป็น 122 กิกะวัตต์ภายในสิ้นปี 2030

แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องการพลังงาน และเป็นจำนวนมหาศาล มีการคาดการณ์ว่า Data Center อาจคิดเป็นสัดส่วนถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของการเติบโตของความต้องการไฟฟ้าทั้งหมดทั่วโลกภายในปี 2030 ซึ่งนำมาสู่คำถามสำคัญว่า Data Center จะสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร?
คำตอบอาจอยู่ที่การบูรณาการระบบและความสามารถใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดการการใช้พลังงานที่ดีขึ้นอย่างตั้งใจ
Honeywell ซึ่งได้จัดทำรายงาน White Paper ในหัวข้อ “Design for More Efficient Data Centers” ได้เสนอแนะ 3 แนวทางที่ผู้ประกอบการ Data Center ควรพิจารณาเมื่อประเมินขีดความสามารถของไซต์งานของตน:
1. การอัปเกรดฮาร์ดแวร์ IT และ OT:
การเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ IT และ OT ที่มีอยู่ด้วยรุ่นล่าสุด มักจะให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ดีขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าในการออกแบบชิป การจัดการพลังงาน และคุณสมบัติประหยัดพลังงาน เช่น การปรับขนาดความถี่แบบไดนามิก และแม้แต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่รองรับการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น
สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงวิธีการบูรณาการข้อมูลจากทั้งระบบ IT และ OT ภายใน Data Center โดยใช้ระบบควบคุมดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ การบูรณาการนี้สามารถได้รับประโยชน์จากเครื่องมือวิเคราะห์ที่สามารถปรับปรุงการใช้พลังงาน การใช้สินทรัพย์ และปริมาณคาร์บอนจากแหล่งพลังงาน รวมถึงความสามารถต่าง ๆ เช่น การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ เพื่อระบุและแก้ไขอุปกรณ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพซึ่งอาจใช้พลังงานมากกว่าที่จำเป็น
2. การประเมินเทคนิคการระบายความร้อน:
ระบบระบายความร้อนของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการนำโซลูชันต่างๆ เช่น ระบบจัดเก็บพลังงานความร้อน (Thermal Energy Storage – TES) มาใช้ เพื่อลดภาระสูงสุดของโรงงาน หรือการระบายความร้อนฉุกเฉินระดับแร็ค เมื่อใช้ TES ในระดับโรงงาน Data Center สามารถลดการใช้พลังงานโดยรวมและปริมาณคาร์บอนที่เกี่ยวข้องได้
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงสารทำความเย็นที่ใช้ในโรงงานของคุณ การเปลี่ยนสารทำความเย็นที่มีค่า Global Warming Potential (GWP) สูงในระบบ CRAC และ DX Cooling ด้วยสารทำความเย็นที่มีค่า GWP ต่ำ สามารถช่วยลดปริมาณคาร์บอนของ Data Center ได้เช่นกัน
3. การติดตั้งระบบจัดเก็บพลังงาน:
การเพิ่มระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage Systems – BESS) ให้กับ Data Center ของคุณสามารถช่วยแก้ไขความท้าทายหลายประการได้ โดยสามารถจัดเก็บพลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวน สนับสนุนความมั่นคงของแหล่งจ่ายไฟ ตอบสนองความต้องการพลังงานสำรอง และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเก็งกำไรราคาไฟฟ้าในแต่ละวัน ในขณะที่หลีกเลี่ยงค่าไฟฟ้าจากโครงข่ายในช่วงที่มีความต้องการสูงและมีปริมาณคาร์บอนสูง
โดยรวมแล้ว BESS สามารถช่วยให้โรงงานของคุณมีความยืดหยุ่นด้านพลังงานมากขึ้น เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้าน Uptime ของคุณ
วางแผนสู่ความสำเร็จ:
การดำเนินการเหล่านี้ ไม่ว่าจะดำเนินการเป็นรายบุคคลหรือโดยรวม อาจช่วยให้จัดการการใช้พลังงานใน Data Center ได้ดีขึ้น และยังสามารถนำไปใช้ในการวางแผนและกำหนดคุณสมบัติของ Data Center แห่งใหม่ได้อีกด้วย