โดย ดร.คมกริช ไพฑูรย์ Country Director, Honeywell (Thailand)
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แนวคิดเรื่อง “Resilience” (ความยืดหยุ่น) และ “Sustainability” (ความยั่งยืน) ไม่ได้เป็นเพียงศัพท์ทางทฤษฎีอีกต่อไป แต่กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการอยู่รอดและเติบโตขององค์กร

สำหรับ Honeywell (Thailand) โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Productivity Solutions and Services (PSS) ที่ครอบคลุมโซลูชันบาร์โค้ดและระบบอัตโนมัติ ดร.คมกริช ไพฑูรย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย ได้นำแนวคิดเหล่านี้มาสร้างเป็นกลยุทธ์หลักอย่างชัดเจน โดยอิงจาก 3 เสาหลักแห่งความสำเร็จ ที่เสมือน DNA ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
“Honeywell ไม่ได้เพียงแค่ตามเทรนด์ แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกและเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรมในประเทศไทย”
#1. Innovation
นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย R&D: ผู้นำที่ก้าวล้ำในยุค AI
Honeywell ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ทันสมัยและตอบโจทย์ตลาดอยู่เสมอ การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมนี้ช่วยให้ Honeywell สามารถคาดการณ์และปรับตัวเข้ากับแนวโน้มใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทของ AI ที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรม Honeywell ได้บุกเบิกโซลูชันที่ผสาน AI สำหรับภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมกระบวนการผลิตอัจฉริยะที่เรียนรู้ได้เอง, การวิเคราะห์ Big Data เพื่อคาดการณ์ความผิดปกติของเครื่องจักร (Predictive Maintenance) ลดการหยุดชะงัก หรือการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากร ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การมีนวัตกรรมที่นำหน้าเทรนด์ AI นี้เองที่ทำให้ Honeywell มีความยืดหยุ่นในการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้อย่างมั่นคง
#2. Alliance
เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งและไว้วางใจได้: สร้างความยั่งยืนผ่านความร่วมมือ
ความสำเร็จของ Honeywell ยังมาจาก เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งและไว้วางใจได้ ซึ่งสะท้อนถึงการสร้างความยั่งยืนผ่านความร่วมมือ การเป็นพันธมิตรที่ยาวนานกับผู้ค้าในประเทศช่วยให้ Honeywell สามารถให้บริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ที่อิงความไว้วางใจและผลประโยชน์ร่วมกันนี้ เป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม สิ่งนี้ช่วยให้ Honeywell สามารถนำเสนอโซลูชัน AI ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การติดตั้ง การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจและให้การขยายขีดความสามารถของ AI เป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน
#3. Localized Agility
ความยืดหยุ่นเชิงพื้นที่: “คิดแบบสากล ทำแบบท้องถิ่น”
ความสำเร็จของ Honeywell ยังมาจาก เครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งและไว้วางใจได้ ซึ่งสะท้อนถึงการสร้างความยั่งยืนผ่านความร่วมมือ การเป็นพันธมิตรที่ยาวนานกับผู้ค้าในประเทศช่วยให้ Honeywell สามารถให้บริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ที่อิงความไว้วางใจและผลประโยชน์ร่วมกันนี้ เป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม สิ่งนี้ช่วยให้ Honeywell สามารถนำเสนอโซลูชัน AI ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การติดตั้ง การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการสนับสนุนหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจและให้การขยายขีดความสามารถของ AI เป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน

กล่าวโดยสรุป การผสมผสานที่ลงตัวของจุดแข็งเหล่านี้ ทำให้เกิดกลยุทธ์ที่สมดุล ซึ่งช่วยให้ Honeywell (Thailand) สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดธุรกิจบาร์โค้ดและระบบอัตโนมัติที่มีพลวัตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นว่า Resilience และ Sustainability ไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากการลงมือทำอย่างมีวิสัยทัศน์ ผ่าน “นวัตกรรม-พันธมิตร-ความยืดหยุ่นเชิงพื้นที่” ที่เป็นหัวใจขับเคลื่อนความสำเร็จของ Honeywell ในประเทศไทย
ในยุคที่ AI กำลังพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว การสร้าง ความยืดหยุ่น ผ่านนวัตกรรมที่เข้าใจเทรนด์ การสร้าง ความยั่งยืนผ่านพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวให้เข้ากับ ท้องถิ่น บนพื้นฐานมาตรฐานสากล คือหัวใจสำคัญที่ไม่เพียงแค่ทำให้องค์กรอยู่รอด แต่ยังเติบโตและเป็นผู้นำในอนาคตของธุรกิจบาร์โค้ดและระบบอัตโนมัติได้อย่างแท้จริง
เทรนด์ตลาด Auto-ID และ Automation ในประเทศไทย: ขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรม
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเทคโนโลยี Auto-ID (Automatic Identification) และ Automation ที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจต่างๆ
ตลาด Auto-ID และ Automation ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรม และการขยายตัวของภาคการผลิต การค้าปลีก โลจิสติกส์ และภาคบริการที่ต้องการความแม่นยำและรวดเร็ว
เทรนด์สำคัญในตลาด Auto-ID และ Automation ของอุตสาหกรรมไทย:
- การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในภาคการผลิต (Manufacturing Automation): โรงงานอุตสาหกรรมในไทยกำลังลงทุนอย่างมากในระบบอัตโนมัติ เช่น แขนกลหุ่นยนต์ (Robotic Arms), ระบบ AGV (Automated Guided Vehicles) หรือ AMR (Autonomous Mobile Robots) เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ลดความผิดพลาด และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
- การเติบโตของคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehousing): การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซทำให้ความต้องการคลังสินค้าประสิทธิภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี Auto-ID เช่น RFID, บาร์โค้ด และระบบ Vision System ถูกนำมาใช้ในการติดตามสินค้าคงคลัง จัดการคำสั่งซื้อ และเพิ่มความเร็วในการจัดส่ง ทำให้การบริหารจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพและแม่นยำ
- การประยุกต์ใช้ในภาคค้าปลีกและโลจิสติกส์ (Retail & Logistics Applications): ในภาคค้าปลีก เทคโนโลยี Auto-ID เช่น RFID ถูกนำมาใช้ในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังหน้าร้าน การป้องกันการโจรกรรม และการชำระเงินแบบไร้สัมผัส ส่วนในภาคโลจิสติกส์ ระบบสแกนบาร์โค้ดความเร็วสูง และระบบติดตามพัสดุมาใช้เพื่อเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ
- การผสานรวมกับ AI และ IoT (Integration with AI & IoT): เทคโนโลยี Auto-ID และ Automation กำลังผสานรวมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) ทำให้เกิดระบบอัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูล และตัดสินใจได้เอง เช่น ระบบการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอัตโนมัติที่ใช้ AI หรือระบบ Predictive Maintenance ที่ใช้ IoT
- ความต้องการด้าน Cybersecurity (Cybersecurity Demands): เมื่อระบบ Automation และ Auto-ID มีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การปกป้องข้อมูลและระบบจากการโจมตีทางไซเบอร์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจในการทำงานของระบบอัตโนมัติ
โอกาสและความท้าทาย ของตลาด Auto-ID และ Automation ในประเทศไทยมีสูง จากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน การขยายตัวของอุตสาหกรรมใหม่ๆ และความตระหนักถึงความจำเป็นในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการ เช่น การลงทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ
เกี่ยวกับทีม Honeywell Productivity Solutions and Services (PSS)

ทีม Honeywell Productivity Solutions and Services (PSS) มุ่งเน้นการปฏิรูปดิจิทัล โดยนำเสนอโซลูชันฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ค้าปลีก การดูแลสุขภาพ โลจิสติกส์ และการผลิต
ผลิตภัณฑ์และบริการหลักของทีม PSS มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ได้แก่:



- อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์: คอมพิวเตอร์พกพา (Mobile Computer), เครื่องสแกนบาร์โค้ด (Barcode Scanner), เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด (Barcode Printing)
- ซอฟต์แวร์: โซลูชันจัดการงานและวิเคราะห์ข้อมูล (เช่น Workforce Intelligence, Operational Intelligence), ระบบนำทางด้วยเสียง (Guided Work Solutions), และแพลตฟอร์มการสื่อสารครบวงจร (Smart Talk)
- บริการสนับสนุน: การบำรุงรักษาและการสนับสนุนผลิตภัณฑ์
Honeywell Systems (Thailand) Ltd. มีสำนักงานในกรุงเทพฯ และระยอง และมีทีมงาน Honeywell PSS ที่พร้อมให้บริการและสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทย หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน Auto-ID สามารถติดต่อทีม Honeywell PSS ผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต
