เรื่องราวการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในเวียดนามนั้นน่าตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ในปี 2567 เพียงปีเดียว อุตสาหกรรมชิปของเวียดนามทำรายได้ไปถึง 18,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แรงขับเคลื่อนหลักมาจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลบ่าเข้ามา ทำให้เวียดนามกลายเป็นความหวังใหม่ในฐานะศูนย์กลางเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก

ทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่ถึงสนใจเวียดนาม?
คำตอบอยู่ที่ทำเลทองของประเทศที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์สำคัญ ๆ ของโลก Intel, Samsung และ Renesas จากญี่ปุ่น ต่างปักธงลงทุนในเวียดนาม แต่ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้กำลังเติบโต บริษัทท้องถิ่นกลับยังคงตามหลังอยู่ห่าง ๆ ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุนและขนาด
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ Amkor Technology บริษัทสัญชาติอเมริกัน ได้วางแผนขยายการผลิตครั้งใหญ่ โรงงานของพวกเขาในจังหวัดบัคนิงห์ตั้งเป้าผลิตชิป 3,600 ล้านหน่วยต่อปีภายในปลายปี 2568 ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างงานจำนวนมาก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านอุตสาหกรรมของเวียดนาม และส่งสัญญาณไปยังโลกถึงอิทธิพลที่กำลังเพิ่มขึ้นของเวียดนามในเวทีเซมิคอนดักเตอร์ระดับนานาชาติ
แต่เส้นทางสู่การเป็นผู้นำนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้รายได้จะพุ่งสูง แต่กำไรส่วนใหญ่กลับตกอยู่ในมือบริษัทต่างชาติ แรงงานท้องถิ่นมีความสามารถ แต่กลับขาดโอกาสในการเป็นผู้นำและการมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบ รัฐบาลเวียดนามตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ และได้วางแผนสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมท้องถิ่นอย่างจริงจัง ทั้งการให้แรงจูงใจทางการเงิน และตั้งเป้าฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์ 50,000 คนภายในปี 2573
เวียดนามไม่ได้แค่เข้าร่วมกระแสเซมิคอนดักเตอร์ แต่กำลังสร้างกระแสใหม่ ด้วยการลงทุนเชิงกลยุทธ์และการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง อีกไม่นานเวียดนามจะกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ พร้อมสำหรับการเติบโตและได้รับการยอมรับในระดับโลก
โอกาสทองในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่เวียดนามต้องคว้า
เวียดนามกำลังกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากต่างชาติ ทำให้ตลาดนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่โอกาสทองนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับยักษ์ใหญ่เท่านั้น ใคร ๆ ก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ใครที่พร้อมคว้าโอกาส ก็เตรียมรับผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้เลย