LPWAN คืออะไร?

อุปกรณ์ IoT เริ่มมีบทบาทต่อการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก แต่เราแทบไม่รู้ตัวเลยว่าอันที่จริงแล้วมีการส่งสัญญาณจากอุปกรณ์เซ็นเซอร์อยู่รอบตัว ซึ่งการที่จะทำให้ IoT เกิดขึ้นได้จริงย่อมต้องมีคอนเซปต์การทำงานที่เอื้อต่อการรักษาการใช้พลังงานต่ำและส่งสัญญาณได้ไกล นั่นคือที่มาของ LPWAN ในบทความนี้เราจะเจาะลึกกันถึงนิยามของคำๆนี้และตัวอย่างของเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องล่างของ LPWAN

LPWAN ย่อมาจากชื่อเต็มคือ Low-power Wide Area Network โดยเป็นนิยามรวมของเทคโนโลยีที่ให้ในเรื่องของระยะสัญญาณที่กว้างไกลในระดับกิโลเมตรหรืออาจไปถึง 1,000 กิโลเมตรขึ้นกับเทคโนโลยีที่อิมพลีเม้นต์ อีกเรื่องก็คือการใช้พลังงานต่ำโดยอาจจะเป็นย่านความถี่ที่ต้องมีการอนุญาต(License)หรือไม่อนุญาตก็ได้ แล้วแต่เทคโนโลยีที่อิมพลีเม้นต์เช่นกัน แต่โดยภาพรวมแล้ว LPWAN เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะอย่างยิ่งกับแอปพลิเคชันประเภท IoT หรือการพูดคุยระหว่างเครื่องจักรที่ไม่ได้ต้องการส่งข้อมูลมากนัก ซึ่งแนวคิดของสถาปัตยกรรมคล้ายกับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่อุปกรณ์ปลายทางจะวิ่งเข้าหาศูนย์กลาง

จะเห็นได้ว่า LPWAN คือคำกล่าวกว้างๆของเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติในการส่งสัญญาณไร้สายที่กว้างไกลและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งแน่นอนว่ามีการนำเสนอเทคโนโลยีเฉพาะในหลายแนวคิดที่ให้ประสิทธิภาพแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น

1.) Sigfox – บริษัทสัญชาติฝรั่งเศสเป็นผู้เล่นแนวหน้าของเทคโนโลยี LPWAN ที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง โดยพวกเขานำเสนอเทคโนโลยี ultra-narrowband ที่ทำงานได้ในความถี่สาธารณะที่ 868 MHz หรือ 902 MHz  ซึ่งเป็นให้มีผู้ให้บริการได้เพียง 1 เจ้าต่อประเทศเท่านั้น ระยะสัญญาณอยู่ระหว่าง 30-50 กิโลเมตรในย่านชนบท หรืออาจแตะที่ 1,000 กิโลเมตรหากส่งข้อมูลแบบ Line-of-site โดยจำกัดขนาดแพ็กเกจที่ 12 ไบต์ และไม่เกิน 150 ข้อความต่อวัน ในมุมของการดาวน์โหลดจะจำกัดที่ 8 ไบต์ไม่เกิน 4 ข้อความต่อวันและอาจมีถูกรบกวนได้

2.) Random phase multiple access(RPM) – เทคโนโลยีเฉพาะจากบริษัท Ingenu ให้ระยะการส่งสัญญาณสูงสุด 50 กิโลเมตรในรูปแบบ Line-of-site  แต่ไม่เกิน 10 กิโลเมตรกรณีใช้งานแบมีสิ่งขวางกั้น ข้อดีคือมีการสื่อสารแบบ bidirectional ดีกว่า Sigfox แต่ข้อจำกัดสำคัญคือการอยู่บนความถี่ 2.4 GHz อาจได้รับผลกระทบจากสัญญาณ Wi-Fi, Bluetooth และอื่นๆ รวมถึงเปลืองไฟมากกว่าตัวเลือกในเทคโนโลยี LPWAN แบบอื่นด้วย

3.) LoRA ที่สนับสนุนโดย LoRa Alliance – ใช้ความถี่แบบได้รับอนุมัติ (Unlicensed) ซึ่งใช้ส่วนหนึ่งในย่านความถี่ระดับ GHz ทำให้ถูกรบกวนได้น้อยลง จุดสังเกตคือมีการใช้การมอดูเลตสัญญาณพิเศษที่เรียกว่า chirp spread spectrum (CSS) ทั้งนี้ผู้ใช้ LoRA สามาถกำหนดขนาดแพ็กเกจเองได้ แต่ถึงจะเปิดกว้างอย่างไรชิปฝั่งส่ง LoRA (Transceiver)ก็มีแค่ Semtech เท่านั้นซึ่งเรียกได้ว่าเป็นต้นตำรับของเทคโนโลยี LoRA ด้วย โดยเราจะเล่าเพิ่มเติมในบทความ ‘What is LoRaWAN?’

4.) Weightless SIG – ผู้พัฒนามาตรฐาน LPWAN 3 ประเภท คือ 1. ส่งทางเดียว Weightless-N 2. ส่งสัญญาณสองทาง Weightless-P และ Weightless-W โดย N และ P ได้รับความนิยมมากกว่าด้วยการใช้ไฟต่ำและใช้สเปกตรัมแบบ Unlicensed หรือแบบ licensed ที่ 12.5 kHZ ด้วยเทคโนโลยี narrowband

5.) Narrowband-IoT(NB-IoT) และ LTE-M เป็นมาตรฐานจาก 3GPP (Generation Partnership Project) ซึ่งนำเสนอการใช้สเปกตรัมที่ได้รับการจับจอง โดยมีประสิทธิภาพคล้ายกับมาตรฐานอื่นเพียงแต่ว่าอยู่บนโครงข่ายสัญญาณมือถือ(GSM) ทำให้ผู้ให้บริการเพิ่มเซลล์สำหรับ IoT ได้ง่าย โดยนำเสนออัตราการดาวน์โหลดและอัปโหลดที่ 200 Kbps บนย่านความถี่ 200 kHZ เท่านั้น หากในประเทศไทยก็จะเห็นบริการของ AIS แต่ความหมายเชิงลึกจะเป็นอย่างไรมีแนวคิดสถาปัตยกรรมเป็นอย่างไรเทียบกับ LoRA เราจะเล่าเพิ่มเติมในบทความ ‘What is NB-IoT?’ และ ‘NB-IoT vs LoRaWAN’ ในมุมของ LTE-M ก็จะเป็นเทคโนโลยีที่นำเสนอแบนวิดท์ที่สูดกว่า NB-IoT และถือว่าสูงสุดในกลุ่ม LPWAN

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของผู้เล่นในตลาด LPWAN เท่านั้น แต่ยังมีชื่อผู้เล่นอีกหลายรายที่พยายามนำเสนอเทคโนโลยี LPWAN ในความเชี่ยวชาญของตน เช่น GreenOFDM, DASH7, Link Labs Inc( ชื่อเทคโนโลยี Symphony Link), WAVIoT รวมถึงผู้นำเสนอ Ultra Narrow band อย่าง Nwave และ Telensa

แม้แนวคิดของ  LPWAN จะอยู่บนการเป็นสัญญาณไร้สายแต่อย่างที่กล่าวข้างต้นคือ เน้นในเรื่องของระยะสัญญาณและการใช้พลังงานที่เหมาะมากกับแอปพลิเคชันที่ส่งข้อมูลไม่มากในระยะไกล เพราะมีหลายผลสำรวจที่ชี้ว่าอุปกรณ์ IoT ส่วนใหญ่ใช้ข้อมูลไม่เกิน 3 MB หรือน้อยกว่าในแต่ละเดือน ดังนั้นตัวเลือกของโครงการมือถือจึงตกไปในการเปรียบเทียบเพราะย่อมไม่ตอบโจทย์ของแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ ในขณะที่เทคโนโลยี RF อย่าง Bluetooth ก็ไปไม่ถึงระยะทางที่ไกลขนาดนั้น แม้แต่ Zigbee ก็เหมาะใช้แค่ในระยะกลางสำหรับอาคารอัจฉริยะ ซึ่งเน้นปริมาณข้อมูลมากขึ้นแต่ไม่ไกลเท่า

LPWAN เองก็ได้นำเสนอมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ตัวอุปกรณ์หรือมีการพิสูจน์ผู้เข้าใช้ หรือระดับเครือข่าย การเข้ารหัสและการป้องกันความลับในสาร หรือมีการสร้างกุญแจเข้ารหัสด้วย

ที่มา :

About Nattakon

Check Also

What is a Dual Sensing Smoke Alarm: เกราะป้องกันไฟที่เหนือกว่า

ในโลกที่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟได้กลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ทุกบ้านและอาคารควรมี แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟแบบ Dual Sensing ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า ด้วยความสามารถในการตรวจจับควันที่หลากหลายประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Nvidia และ Broadcom ทดสอบผลิตชิปกับ Intel หวังสร้างความเชื่อมั่นธุรกิจรับจ้างผลิต แม้เผชิญความท้าทาย

สองบริษัทออกแบบชิปชื่อดังอย่าง Nvidia และ Broadcom กำลังทดสอบการผลิตชิปกับ Intel โดยใช้เทคโนโลยี 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ Intel พัฒนาขึ้นเพื่อผลิตชิป AI และชิปซับซ้อนอื่น ๆ การทดสอบนี้แสดงถึงความเชื่อมั่นเบื้องต้นของบริษัทออกแบบชิปต่อเทคโนโลยีของ …