กูรูชี้ชัด เหตุผลที่ Apple ยากจะย้ายฐานผลิต iPhone กลับอเมริกา แม้ลงทุนมหาศาล

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีคำถามที่ถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากสื่อและผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ว่า…เป็นไปได้หรือไม่ที่ Apple จะนำการผลิต iPhone กลับมายังสหรัฐอเมริกา?

นักวิเคราะห์อาวุโสในวงการเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์กว่า 40 ปี ได้ออกมาให้ความเห็นที่น่าสนใจ โดยย้อนรำลึกถึงการศึกษาเรื่องการย้ายฐานการผลิตไปเอเชียตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ในขณะนั้น ทำให้ผู้ผลิตมองหาแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่า และเอเชียก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางหลัก

แม้ว่าปัจจุบันจะมีแรงผลักดันอย่างมากให้ดึงการผลิตกลับมายังสหรัฐอเมริกา แต่ความเป็นจริงในตลาดกลับสวนทาง กูรูรายนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญหลายประการ:

  • ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตไม่ใช่เรื่องชั่วคราว แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ประชากรวัยแรงงานในภาคการผลิตกำลังสูงวัยขึ้น และคนรุ่นใหม่ก็ไม่สนใจงานในโรงงาน แม้จะมีกระแสชาตินิยมเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม แม้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะสนับสนุนการผลิตในประเทศ แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องการทำงานประเภทนี้ด้วยตัวเอง
  • คุณภาพงานในภาคการผลิตเปลี่ยนแปลงไป งานโรงงานที่มีสหภาพแรงงานคุ้มครองและมีสวัสดิการบำนาญ ซึ่งเคยเป็นรากฐานของชนชั้นกลางอเมริกัน ได้หายไปเกือบหมดแล้ว งานผลิตสมัยใหม่มักมีค่าตอบแทนและความมั่นคงน้อยกว่าทางเลือกอื่น ๆ ทำให้ความน่าสนใจลดลง
  • ระบบอัตโนมัติมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น โรงงาน Speedfactory ของ Adidas ที่ใช้หุ่นยนต์เป็นหลัก แสดงให้เห็นถึงอนาคตของการผลิตที่พึ่งพาแรงงานมนุษย์น้อยลง การลงทุนเพื่อปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยมักไม่ได้สร้างงานเพิ่มขึ้นมากนัก แต่เน้นไปที่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
  • ปัญหาความไม่สอดคล้องกันของทักษะ การผลิตในปัจจุบันต้องการความรู้ด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) ทักษะการเขียนโปรแกรม และการคิดเชิงระบบ ซึ่งแตกต่างจากทักษะทางกายภาพที่คนงานรุ่นก่อนใช้ ระบบการศึกษาในปัจจุบันยังปรับตัวไม่ทันต่อความต้องการนี้

กูรูรายนี้มองว่า อนาคตของการผลิตในอเมริกาจะเน้นไปที่การผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมาก แต่รูปแบบการจ้างงานจะแตกต่างจากภาพที่หลายคนวาดฝันไว้มาก การที่จะหวนคืนสู่ยุคทองของการผลิตแบบทศวรรษ 1950 และ 1960 นั้นเป็นไปไม่ได้ในตลาดโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน

สำหรับคำถามที่ว่า Apple จะย้ายฐานผลิต iPhone กลับมายังสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ซีอีโอของ Apple, Tim Cook เคยอธิบายไว้ดีที่สุดว่า Apple ผลิต iPhone ในจีนเนื่องจากจีนมีวิศวกรเครื่องมือที่มีทักษะสูงและมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตขั้นสูงจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เรื่องต้นทุนแรงงานต่ำ จีนมีความเป็นเลิศด้านความแม่นยำและทักษะเฉพาะทางมากกว่าสหรัฐอเมริกา

จากความเห็นและข้อมูลที่ได้ศึกษา กูรูรายนี้เชื่อว่า การผลิต iPhone จำนวนมากในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันหรือในอนาคตอันใกล้ที่มีระบบอัตโนมัติสูงนั้นเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันให้ Apple กระจายฐานการผลิตนอกประเทศจีนมากขึ้น แต่ความเป็นจริงก็ซับซ้อน ตัวอย่างเช่น มีรายงานว่า Apple กำลังประกอบ iPhone 16e ในบราซิลเนื่องจากภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบายการค้ามากกว่าเรื่องแรงงาน

นอกจากนี้ ข่าวการลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของ Apple ในการผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวกในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์นั้น แม้จะเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อโครงสร้างพื้นฐานของอเมริกา แต่การลงทุนเหล่านี้มักจะเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนา ศูนย์ข้อมูล และโรงงานที่ใช้ระบบอัตโนมัติขั้นสูง ไม่ใช่โรงงานแบบเดิมที่มีคนงานจำนวนมาก

โดยสรุปแล้ว แม้ว่าการผลิตขั้นสูงจะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากขึ้น แต่โอกาสที่งานโรงงานแบบเดิมจะกลับมาในระดับเดิมนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากระบบอัตโนมัติ การขาดแคลนแรงงาน และความสนใจที่เปลี่ยนไปของคนทำงาน อนาคตของการผลิตในอเมริกาจึงอยู่ที่การผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่งานที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากแบบในอดีต

ที่มา : https://www.forbes.com/sites/timbajarin/2025/04/22/could-apple-eventually-bring-iphone-manufacturing-to-the-us/

About pawarit

Check Also

Xerox ดึง 2 ผู้บริหาร Lexmark ร่วมทีมบริหารระดับสูง หลังควบรวมกิจการ พร้อมตั้ง “คิม เคลปส์” นั่ง Chief People Officer คนใหม่

ในส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อกิจการ Lexmark International, Inc. โดย Xerox Holdings Corporation (NASDAQ: XRX) Xerox ประกาศว่าผู้บริหารระดับสูงของ Lexmark สองท่านจะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Xerox …

รายงานใหม่เผย Huawei แอบซุ่มบริหารโรงงานผลิตชิปในจีนกว่า 10 แห่ง เลี่ยงการตรวจสอบจากสหรัฐฯ

รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว TheElec เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า Huawei บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ได้บริหารจัดการ โรงงานผลิตชิป (Fab) ในประเทศจีนมาเป็นเวลานานกว่า 10 แห่งแล้ว และหากรวมโรงงานที่เกี่ยวข้องกับศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) จำนวนโรงงานทั้งหมดอาจสูงถึง 20 …